ปฏิรูปตัวเอง โดย นฤตย์ เสกธีระ

คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์

ข่าวคราว คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ได้รับการทาบทามให้เป็นผู้นำพรรคเพื่อไทยคนใหม่ได้ยินมาสักพัก

เช่นเดียวกับข่าวคราวเรื่องข้อเสนอให้นักการเมืองปฏิรูปตัวเองก็ได้ยินเป็นข่าวตั้งแต่เมื่อ นายโคทม อารียา จัดเสวนาขึ้นแล้วเชิญนักการเมืองจากพรรคดังมาร่วม

อย่างเช่น นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ นายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล รวมถึงคุณหญิงสุดารัตน์ด้วย

ทุกคนเห็นด้วยกับแนวทางนักการเมืองก็ต้องปฏิรูปตัวเอง

Advertisement

และเมื่อได้อ่านบทสัมภาษณ์ล่าสุดของคุณหญิงสุดารัตน์ก็พบว่า ข้อเสนอปฏิรูปตัวเองยังมีอยู่

แม้ว่าข่าวคราวดังกล่าวจะไม่ค่อยได้รับการขานรับจากแกนนำพรรคเพื่อไทยนัก

แต่จนถึงบัดนี้ข่าวเรื่องคุณหญิงสุดารัตน์จะเป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทยก็ยังไม่จางหาย

ข่าวที่ปรากฏจึงเหมือน “มีควันก็ย่อมมีไฟ”

ความจริงเรื่องปฏิรูปตัวเองนี้เป็นข้อเสนอที่ชวนคิด หากในยามปกติการปฏิรูปตัวเองก็คือการพัฒนาตัวเอง

แต่เมื่อมาอยู่ในสถานการณ์เพลี่ยงพล้ำ นักการเมืองสายประชาธิปไตยถูกตราหน้าว่าโกง

นักการเมืองสายประชาธิปไตยถูกตราหน้าว่าสร้างความขัดแย้ง สร้างความวุ่นวายให้ประเทศชาติ

แทนที่จะเป็นกลุ่มคนที่อาสาเข้ามาแก้ไขปัญหาให้ประเทศ กลายเป็นกลุ่มคนที่สร้างปัญหาให้ชาติบ้านเมือง

และกลายเป็นชนวนเหตุให้เกิดการรัฐประหาร

เช่นนี้นักการเมืองเองก็สมควรต้องปฏิรูปตัวเอง

เปลี่ยนแปลงตัวเองให้เข้ากับความต้องการของสังคมซึ่งก็คือประชาชนนั่นแหละ

ลองดูจากผลสำรวจโพลทุกยุคทุกสมัยก็พอประเมินได้ว่าสังคมต้องการอะไรในภาพรวม

สังคมไม่ต้องการคนกอบโกย สังคมไม่ต้องการคนไม่มีกติกา สร้างความรุนแรง

สังคมต้องการให้เศรษฐกิจพัฒนา การศึกษาก้าวหน้า ความเป็นอยู่ที่มีความปลอดภัย มีรายได้เลี้ยงตัว

สังคมต้องการลดความเหลื่อมล้ำ ทั้งความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจ สังคม รวมถึงความเหลื่อมล้ำทางการเมือง

ข้อเรียกร้องนี้แม้ดูจะมากมาย แต่ในเมื่อนักการเมืองต้องเป็นผู้เข้าไปบริหารประเทศ

ข้อเรียกร้องที่ว่าก็ถือว่าเป็นเรื่องปกติ

วันนี้ประเทศชาติตกอยู่ในสถานการณ์รัฐประหาร รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ขึ้นมาบริหารประเทศก็หนีไม่พ้นข้อเรียกร้องดังกล่าว

ต่อไปเมื่อประเทศก้าวเข้าสู่การเลือกตั้ง ซึ่งหลายฝ่ายมองว่าคงอีกไกล

ยังอีกนานพอที่นักการเมืองจะเริ่มเพาะความศรัทธาขึ้นให้สังคมได้เห็น

มองเห็นอุดมการณ์ทางการเมืองมากกว่าการแย่งชิงผลประโยชน์

มองเห็นประชาธิปไตยดีกว่าการยึดอำนาจ

หากเห็นว่าการทำเพื่อผลประโยชน์ให้ส่วนรวมดีกว่าคำนึงถึงผลประโยชน์ส่วนตัว

ถ้าทำให้ประชาชนศรัทธาและต้องการได้ ถือว่าสามารถปฏิรูปตัวเองได้ 

การปฏิรูปตัวเองสำเร็จ สร้างเกราะขึ้นมาป้องกันตัวเองด้วย

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นทุกการกระทำต้องดำเนินไปบนพื้นฐานของความจริงใจ ขออย่าได้นำการปฏิรูปมาเป็นภาพลวงสร้างความหวัง ขณะที่ในความเป็นจริงทุกอย่างยังคงเดิม

กลายเป็นการปฏิรูปที่ไม่มีการปฏิรูปอะไรเลย

เพราะถ้าเป็นเช่นนี้ถือว่าเสียเวลาไปเปล่าๆ อย่าปฏิรูปเลยจะดีกว่า

………….

นฤตย์ เสกธีระ [email protected]

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image