ผู้เขียน | สถานีคิดเลขที่ 12 |
---|
ข่าวคราว คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ได้รับการทาบทามให้เป็นผู้นำพรรคเพื่อไทยคนใหม่ได้ยินมาสักพัก
เช่นเดียวกับข่าวคราวเรื่องข้อเสนอให้นักการเมืองปฏิรูปตัวเองก็ได้ยินเป็นข่าวตั้งแต่เมื่อ นายโคทม อารียา จัดเสวนาขึ้นแล้วเชิญนักการเมืองจากพรรคดังมาร่วม
อย่างเช่น นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ นายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล รวมถึงคุณหญิงสุดารัตน์ด้วย
ทุกคนเห็นด้วยกับแนวทางนักการเมืองก็ต้องปฏิรูปตัวเอง
และเมื่อได้อ่านบทสัมภาษณ์ล่าสุดของคุณหญิงสุดารัตน์ก็พบว่า ข้อเสนอปฏิรูปตัวเองยังมีอยู่
แม้ว่าข่าวคราวดังกล่าวจะไม่ค่อยได้รับการขานรับจากแกนนำพรรคเพื่อไทยนัก
แต่จนถึงบัดนี้ข่าวเรื่องคุณหญิงสุดารัตน์จะเป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทยก็ยังไม่จางหาย
ข่าวที่ปรากฏจึงเหมือน “มีควันก็ย่อมมีไฟ”
ความจริงเรื่องปฏิรูปตัวเองนี้เป็นข้อเสนอที่ชวนคิด หากในยามปกติการปฏิรูปตัวเองก็คือการพัฒนาตัวเอง
แต่เมื่อมาอยู่ในสถานการณ์เพลี่ยงพล้ำ นักการเมืองสายประชาธิปไตยถูกตราหน้าว่าโกง
นักการเมืองสายประชาธิปไตยถูกตราหน้าว่าสร้างความขัดแย้ง สร้างความวุ่นวายให้ประเทศชาติ
แทนที่จะเป็นกลุ่มคนที่อาสาเข้ามาแก้ไขปัญหาให้ประเทศ กลายเป็นกลุ่มคนที่สร้างปัญหาให้ชาติบ้านเมือง
และกลายเป็นชนวนเหตุให้เกิดการรัฐประหาร
เช่นนี้นักการเมืองเองก็สมควรต้องปฏิรูปตัวเอง
เปลี่ยนแปลงตัวเองให้เข้ากับความต้องการของสังคมซึ่งก็คือประชาชนนั่นแหละ
ลองดูจากผลสำรวจโพลทุกยุคทุกสมัยก็พอประเมินได้ว่าสังคมต้องการอะไรในภาพรวม
สังคมไม่ต้องการคนกอบโกย สังคมไม่ต้องการคนไม่มีกติกา สร้างความรุนแรง
สังคมต้องการให้เศรษฐกิจพัฒนา การศึกษาก้าวหน้า ความเป็นอยู่ที่มีความปลอดภัย มีรายได้เลี้ยงตัว
สังคมต้องการลดความเหลื่อมล้ำ ทั้งความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจ สังคม รวมถึงความเหลื่อมล้ำทางการเมือง
ข้อเรียกร้องนี้แม้ดูจะมากมาย แต่ในเมื่อนักการเมืองต้องเป็นผู้เข้าไปบริหารประเทศ
ข้อเรียกร้องที่ว่าก็ถือว่าเป็นเรื่องปกติ
วันนี้ประเทศชาติตกอยู่ในสถานการณ์รัฐประหาร รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ขึ้นมาบริหารประเทศก็หนีไม่พ้นข้อเรียกร้องดังกล่าว
ต่อไปเมื่อประเทศก้าวเข้าสู่การเลือกตั้ง ซึ่งหลายฝ่ายมองว่าคงอีกไกล
ยังอีกนานพอที่นักการเมืองจะเริ่มเพาะความศรัทธาขึ้นให้สังคมได้เห็น
มองเห็นอุดมการณ์ทางการเมืองมากกว่าการแย่งชิงผลประโยชน์
มองเห็นประชาธิปไตยดีกว่าการยึดอำนาจ
หากเห็นว่าการทำเพื่อผลประโยชน์ให้ส่วนรวมดีกว่าคำนึงถึงผลประโยชน์ส่วนตัว
ถ้าทำให้ประชาชนศรัทธาและต้องการได้ ถือว่าสามารถปฏิรูปตัวเองได้
การปฏิรูปตัวเองสำเร็จ สร้างเกราะขึ้นมาป้องกันตัวเองด้วย
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นทุกการกระทำต้องดำเนินไปบนพื้นฐานของความจริงใจ ขออย่าได้นำการปฏิรูปมาเป็นภาพลวงสร้างความหวัง ขณะที่ในความเป็นจริงทุกอย่างยังคงเดิม
กลายเป็นการปฏิรูปที่ไม่มีการปฏิรูปอะไรเลย
เพราะถ้าเป็นเช่นนี้ถือว่าเสียเวลาไปเปล่าๆ อย่าปฏิรูปเลยจะดีกว่า
………….
นฤตย์ เสกธีระ [email protected]