ที่มา | มติชนรายวัน |
---|---|
ผู้เขียน | สุชาติ ศรีสุวรรณ |
“ประชามติจะผ่านไหม”-“การเมืองจะเป็นอย่างไร”
คำถามเบ้อเร่อที่ต่อให้ขึ้นชื่อว่าเซียนแค่ไหนก็ยากจะตอบแบบทำให้ทุกคนเชื่อได้
ยิ่งในประเทศที่ต่างคนต่างความคิด หนักหนาด้วยการยึดทรรศนะตัวเอง หมิ่นแคลนทรรศนะคนอื่น อย่างที่เป็นกันอยู่ทุกวันนี้
ใครจะไปเชื่อใคร ด้วยทุกคนต่างเชื่อในทางที่ตัวเองอยากจะเชื่อไปเรียบร้อยแล้ว
เลิกคิดถึงคำถามยากๆ แบบนั้นมาดูว่าแต่ละฝ่ายกำลังทำอะไรกันดีกว่า
ฝ่ายหนึ่งกำลังร่างรัฐธรรมนูญที่จะ “ลดสัดส่วนของนักการเมืองที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน” และ “เพิ่มสัดส่วนของนักการเมืองจากการแต่งตั้ง” ใน “โครงสร้างอำนาจควบคุมประเทศ”
ลดบทบาทของ “พรรคการเมือง” เพิ่มโอกาสให้ “กลุ่มคนบางพวก” ขึ้นมาปกครองประเทศ
จาก “ส.ส.สัดส่วนผสม” ที่ทำให้ “พรรคใหญ่กลายเป็นพรรคเล็ก” และ “พรรคเล็กขยับขึ้นมาเป็นพรรคขนาดกลาง” ด้วยเป้าหมายจะต้องเป็น “รัฐบาลผสมที่ไร้เสถียรภาพ” ที่ถูกควบคุมเข้มข้นจาก “องค์กรตามรัฐธรรมนูญ” ที่ผู้เสวยวาสนาจะมาจากการแต่งตั้งที่แทบไม่เห็นการยึดโยงกับประชาชน
ถึงวันนี้เลยมาถึง “วุฒิสภาจากการแต่งตั้งทั้งหมด” และยังไม่รู้ว่าจะให้อำนาจเลยเถิดไปถึงไหน
สภาพการถูกผลักดันให้เป็นเช่นนี้
ขณะที่ฝ่ายคัดค้านไม่เห็นด้วย ทำได้แค่แสดงความคิดเห็นไปวันๆ ต่อต้านอะไรไม่ได้ เพราะแค่ต้องจัดการกับเรื่องราวที่ประเดประดังมากระแทกกระทั้นกับชีวิตส่วนตัวก็แทบจะหายใจทั่วท้องกันได้ลำบาก สติปัญญาที่จะแบ่งบันมาสู้เพื่อส่วนรวมยากที่จะจัดสรร
บางคนอาจจะคิดว่าถึงที่สุดแล้ว เมื่อได้เวลาที่จะต้องลง “ประชามติร่างรัฐธรรมนูญ” กัน กลไกของพรรคการเมืองจะทำงานเต็มที่
แต่หากมองถึงการเตรียมการทำประชามติที่ลงแรง ระดมกำลังกันเต็มที่จัดเตรียมในนามกองกำลังรักษาดินแดนไปประจำหน่วยเลือกตั้ง ชนิดไม่มีทางที่นักการเมืองคนไหนจะมาแทรกแซงความคิดของประชาชนแถวหน้าหน่วยได้
จะเห็นว่ามีความเป็นไปได้น้อยอย่างยิ่งที่นักการเมืองจะเข้าไปยุ่มย่ามกับการลงคะแนนของประชาชนได้
และหากบางคนยังมีความหวังว่า ก่อนที่จะลงประชามติ เครือข่ายการเมืองที่แต่ละพรรคจัดสร้างไว้ยาวนาน น่าจะรู้ได้ด้วยตัวเองว่าต้องทำอย่างไรบ้าง ในการควบคุมทิศทางความคิดของประชาชน
ถ้าคิดอย่างนั้นคงต้องตั้งคำถามเพื่อหาคำตอบกันหน่อยว่า “บุคคลที่เป็นเครือข่าย เป็นมือเป็นไม้ของพรรคการเมือง หรือนักการเมืองคือใคร”
แน่นอนคำตอบคือ “หัวคะแนน” แต่หากติดตามการเมืองอย่างพินิจพิเคราะห์ให้รู้โครงสร้างของเครือข่ายพรรคการเมือง ย่อมรู้ว่า “หัวคะแนน” เป็นคนกลุ่มเดียวกับ “ผู้มีอิทธิพลในท้องถิ่น”
พรรคการเมืองที่ชนะการเลือกตั้งคือ พรรคที่รวบรวม “ผู้มีอิทธิพลในท้องถิ่น” ไว้เป็นเครือข่ายทำงานในพื้นที่ให้ได้มากที่สุด
ในหลายพื้นที่ “นักการเมือง” เป็น “คนเดียวกัน” หรือเป็น “ลูกหลาน” เป็น “มือไม้ใกล้ตัว” ของ “ผู้มีอิทธิพลในท้องถิ่น”
ย้อนกลับมาดูปฏิบัติการใหญ่ที่เริ่มต้นไปวันที่ 4 มีนาคม โดยเป็นการผนึกกำลังกันระหว่าง “กองทัพ-ตำรวจ-ฝ่ายปกครอง” และ “ข้าราชการทุกหมู่เหล่า”
เป็น “ปฏิบัติการปราบปรามผู้มีอิทธิพลในท้องถิ่นทั่วประเทศครั้งใหญ่อย่างหนักหน่วงจริงจัง”
มีการประกาศออกมาแล้วว่า รายชื่ออยู่ในมือฝ่ายปราบปรามเรียบร้อย และหากประชาชนคนไหนพบเบาะแสว่าที่มีรายชื่อต้องปราบปรามนั้นยังไม่หมดไม่สิ้นให้แจ้งเพิ่มเติมมา
“การเมืองจะเป็นอย่างไร”-“ประชามติร่างรัฐธรรมนูญ” จะออกมาแบบไหน
เป็นคำถามเบ้อเร่อที่ยากจะตอบได้
หากแต่ว่า “นักการเมืองจำพวกรอคอยเสวยวาสนาจากการแต่งตั้ง” ยิ่งนับวันยิ่งแสดงออกอย่างคึกคักในท่วงทำนอง “ดีครับผม เหมาะสมครับนาย ได้ทุกอย่างครับท่าน ตามนั้นเลยครับ”
ส่วนอีกฝ่ายน่ะหรือ
อื่ม!!! อื่ม!!!