ไปหัวเราะท่านทำไม โดย สุชาติ ศรีสุวรรณ

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา(แฟ้มภาพ)

สัปดาห์ที่เพิ่งผ่านมามีข่าวหนึ่งที่ได้รับความสนใจพูดถึงกันอย่างกว้างขวาง ไม่เพียงในแวดวงสนทนา ยิ่งในโลกออนไลน์ไม่ว่าจะเป็น “เฟซบุ๊ก” หรือ “ไลน์กลุ่ม” ทั้งหลาย มีการโพสต์ข่าวที่กันคึกคัก ก่อให้เกิดการเสวนาต่อเนื่องกันไปมากมาย

นั่นคือข่าวที่ว่า

เช้าวันที่ 20 กรกฎาคมที่ผ่านมา ในพิธีเปิดงาน “ตลาดนัดเปิดโลกผลงานวิจัยและนวัตกรรมมหาวิทยาลัยพบผู้ใช้” ณ ห้อง World Ballroom A ชั้น 23 โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์ และบางกอกคอนเวนชั่นเซ็นเตอร์ เซ็นทรัลเวิลด์ โดยสำนักนายกรัฐมนตรีและสำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ (วช.) เป็นเจ้าภาพ

“ท่านผู้นำ-พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” เป็นประธานกล่าวเปิดงาน

Advertisement

คำกล่าวเปิดงานของท่านนายกรัฐมนตรีนั่นเองที่เป็นข่าวซึ่งแชร์และพูดถึงกันอย่างกว้างขวาง

หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ท่านน่าจะกล่าวหลายเรื่อง แต่เรื่องที่มาพูดถึงกันคือท่อนที่กล่าวโดยเริ่มที่เด็กแว้นว่า “พวกที่ทำรถแว้นแข่งขันเราควรไปล้วงคนพวกนี้มา เพราะถือว่ามีความสามารถ ซึ่งสมัยก่อนนวัตกรรมหลายอย่างผิดกฎหมายก็คือผิดกฎหมาย แต่ควรเอามาทำให้ถูก ไม่ใช่ทำให้เสียงดังอย่างเดียว แต่ทำให้รถเร็วขึ้นแข่งขันได้”

และไปถึง “สมัยก่อนมีการกวาดล้างพวกทำปืนแอบซ่อนทำ ต้องเรียกพวกนี้มาบรรจุที่กรมสรรพาวุธ เพื่อให้มาผลิตปืนให้เป็นเรื่องราวไป คนพวกนี้หลบซ่อนหนีตำรวจยังคิดออก เราไม่ได้หลบซ่อนทำไมคิดไม่ออก ผมพูดในหลักการทางบริหารว่าต้องเอาคนเหล่านี้มาช่วยกันพัฒนาประเทศ ไม่เช่นนั้นก็ไล่จับกัน”

Advertisement

แต่คำกล่าวที่ได้รับการกล่าวถึงมากที่สุดคือท่อนที่ว่า “ผมอยากให้คิดนวัตกรรมแหวกแนว เช่น ตู้เย็นกับหม้อหุงข้าวเอามารวมกันได้หรือไม่ หรือตู้เย็นเอามาร่วมกับกระติกน้ำร้อนได้หรือไม่ เมื่อเราคิดนวัตกรรมแล้วต้องคิดกำหนดตลาด เพื่อรองรับการผลิตด้วย เพราะหากไม่มีตลาดคิดไปก็ไลฟ์บอย ไม่สามารถขายผลผลิตได้ และต้องวิจัยพัฒนาให้คนมีรายได้น้อยให้มีรายได้มากด้วย อีกทั้งสินค้าการเกษตรไม่มีทางราคาดีขึ้นแล้ว นอกจากโลกจะเจอภัยพิบัติเขาถึงมาซื้อเรา ที่สำคัญผมไม่ต้องการส่งออกมากที่สุดแต่ขาดทุน อยากส่งออกน้อยแต่ได้ราคาดี ผมถึงจะภูมิใจ”

ข่าวนี้อ่านแล้วรู้สึกว่ากระโดดไปกระโดดมาเหมือนธรรมชาติของความคิดคนที่พระท่านพยายามชี้แนะว่าให้ตั้งสติให้ดี เพราะความคิดคนเราไม่ค่อยอยู่นิ่ง

แต่ถึงอย่างนั้นเมื่อฟังรวมๆ แล้วถือว่าท่านมีเจตนาจะกระตุ้นให้เกิดความคิดสร้างสรรค์

ในโลกยุคนี้ ไม่ว่าใครก็ตามที่ติดตามความเป็นไปของการพัฒนา จะรู้ว่าประเทศที่ประชาชนขาดแรงกระตุ้นที่จะทำให้เกิดความคิดสร้างสรรค์ไม่มีทางที่จะก้าวทันการพัฒนาโลกยุคอุตสาหกรรม 4.0 ที่ดำเนินอยู่

สินค้าที่จะสร้างมูลค่าเพิ่มในระดับที่นับเป็นผลิตผลของประเทศจะต้องเกิดจากความคิดสร้างสรรค์ หลายอย่างแหวกแนวเกินคาด

ซึ่งเป็นธรรมดาในฐานะนายกรัฐมนตรีซึ่งมีหน้าที่ต้องติดตามพัฒนาการของโลกเพื่อมาบอกกล่าวจัดการให้เกิดการพัฒนาประเทศไปอย่างสอดคล้องทันยุคทันสมัย จะต้องมีความรู้ ความคิดมาใช้กำหนดทิศทางของประเทศ และบริหารจัดการให้สอดคล้อง

ซึ่งความเข้าใจเรื่องราวเหล่านี้ ควรจะเป็นบทบาทของผู้นำที่น่าชื่นชม

แต่กลายเป็นว่าอารมณ์ส่วนใหญ่ของผู้คนที่พูดถึงข่าวนี้กลับเป็นไปในทาง “ฮาครืน” เกือบทั้งหมด ตามด้วยการคิดถ้อยคำ ถ้อยความมาอำกันและเป็นที่สนุกสนานครื้นเครง โดยเฉพาะความคิดสุดสร้างสรรค์เรื่อง “เอาหม้อหุงข้าวไปใส่ตู้เย็น” กับ “เอาตู้เย็นไปรวมกับกระติกน้ำร้อน”

ความคิดนี้กลายเป็นเรื่อง “ตลก” ในความรู้สึกของชาวบ้านร้านตลาดที่เอามาพูดถึงได้อย่างไร เพราะแท้จริงแล้วมันมาจากเจตนาที่กระตุ้นให้เกิดความคิดสร้างสรรค์ สร้างนวัตกรรมที่เป็นกระแสการพัฒนาของโลก

ประชาชนประเทศนี้ช่างไม่พร้อมเสียเลยที่จะไปให้ทันกระแสการพัฒนาของโลก

ลองเรื่องทำให้ “เสียงหัวเราะ” ดังได้ครึกครื้นขนาดนี้ ดูท่าจะอีกนานกว่าประเทศจะพัฒนาไปสู่การสร้างสรรค์นวัตกรรมได้

เพราะถึงที่สุดแล้ว การพัฒนาจะต้องขึ้นกับประชาชน หากประชาชนไม่เอาด้วย ไม่พร้อมที่จะเข้าใจเสียแล้ว ต่อให้คณะบุคคลคณะใดคณะหนึ่งจะเชื่อมั่นว่าตัวเองฉลาดหลักแหลม ดีงามสักแค่ไหนก็ไม่สามารถนำพาการพัฒนาประเทศได้

เพราะความฉลาดและแสนดีทั้งหมด จะเป็นเพียง “เรื่องตลก” สำหรับประชาชนที่เป็นพลังขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศที่แท้จริง

………………….

สุชาติ ศรีสุวรรณ

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image