ผู้เขียน | คอลัมน์หน้า 3 มติชน |
---|
ทำไมเสียงเตือนอันมาจาก คสช.กรณีวันที่ 25 สิงหาคม จึงพุ่งไปยัง “มวลชน” และที่แวดล้อมอยู่กับพรรคเพื่อไทยอย่างเป็นด้านหลัก
1 เพราะพรรคการเมืองกับ “มวลชน” ย่อมสัมพันธ์กัน
ไม่ว่าจะมองบทบาทและความหมายของ “พรรคการเมือง” ด้วยสายตาหมิ่นหยามเพียงใด แต่ปฏิเสธไม่ได้ในความสัมพันธ์ระหว่างพรรคกับมวลชนได้อย่างเด็ดขาด
ยิ่งเป็นพรรคเพื่อไทยยิ่งมองข้ามไม่ได้เลย
เหตุผล 1 เพราะพรรคเพื่อไทยคือความต่อเนื่องและสัมพันธ์ ยึดโยงอยู่กับพรรคพลังประชาชนและพรรคไทยรักไทย
พรรคเพื่อไทยคือ “อวตาร” ของ 2 พรรคนั้น
ขณะเดียวกันเหตุผล 1 ซึ่งสำคัญเป็นอย่างสูงเพราะว่าพรรคเพื่อไทยชนะการเลือกตั้งในปี 2554 พรรคพลังประชาชนชนะการเลือกตั้งในปี 2550 พรรคไทยรักไทยชนะการเลือกตั้งในปี 2544 และต่อเนื่องมายังปี 2548
นี่คือ ฐานอันแข็งแกร่งยิ่งของ “เพื่อไทย”
ถามว่าเหตุปัจจัยอะไรทำให้ คสช.ไม่ยอม “ปลดล็อก” คำสั่งและประกาศเพื่อเปิดทางให้พรรคการเมืองได้ดำเนินกิจกรรมตามปกติ
ตอบได้เลยว่า เพราะ “กลัว”
จึงจำเป็นต้องเริ่มต้นจากพื้นฐานที่ว่าห้ามชุมนุมทางการเมืองเกินกว่า 5 คน ตามมาด้วยห้ามประชุมคณะกรรมการบริหารพรรค
นั่นก็คือ ยุติตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2557 เป็นต้นมา
ความจริง จากเดือนพฤษภาคม 2557 ถึงเดือนพฤษภาคม 2558 ถึงเดือนพฤษภาคม 2559 ถึงเดือนพฤษภาคม 2560
พรรคการเมืองต่างก็พับเพียบเรียบร้อย
แต่พอล่วงมาถึงเดือนกรกฎาคมและประสบเข้ากับสถานการณ์อ่านคำพิพากษาในวันที่ 25 สิงหาคม ก็ยากเป็นอย่างยิ่งที่พรรคเพื่อไทยจะดำรงอยู่ในลักษณะงอก่องอขิง
จึงต้องมีเสียง “ป้องปราม” มาจาก “คสช.”
หากดูจากความสัมพันธ์ระหว่าง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร กับ พรรคเพื่อไทย คงยากเป็นอย่างยิ่งที่จะกดให้พรรคเพื่อไทยไม่มีอารมณ์และความรู้สึกใดๆ
แม้ว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร มิได้เป็น “หัวหน้าพรรค”
แต่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ก็เป็น ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ และสไลด์เข้าดำรงตำแหน่งเป็นนายกรัฐมนตรีก็จากชัยชนะของพรรคในเดือนกรกฎาคม 2554
เป็นชัยชนะจากการชู “นโยบาย” ว่าด้วย “จำนำข้าว”
พรรคเพื่อไทยก็เช่นเดียวกับพรรคไทยรักไทย จุดเด่นคือการแปรนามธรรมแห่งนโยบายกลายเป็นรูปธรรมทางการปฏิบัติ
“จำนำข้าว” จึงผ่าน ครม. ผ่านรัฐสภา ตาม “รัฐธรรมนูญ”
เรื่องนี้แม้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร จะถูกฟ้องร้องดำเนินคดี แต่พรรคเพื่อไทยย่อมยากที่จะปฏิเสธความรับผิดชอบได้
ตรงนี้แหละที่จะส่งผลต่อ “ต่อมสำนึก” ภายในพรรคเพื่อไทย
คำถามอยู่ที่ว่าพรรคเพื่อไทยจะแสดงออกอย่างไรจึงไม่ขัดต่อความกังวลของ คสช.เท่านั้น
จากเดือนกรกฎาคมกระทั่งถึงวันที่ 25 สิงหาคม อุณหภูมิทางการเมืองจึงร้อนแรงและมากด้วยความแหลมคมอย่างเป็นพิเศษ
ทดสอบความอดทนของ “คสช.”
ทดสอบวุฒิภาวะในทางการเมืองของพรรคเพื่อไทย และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง มวลชนที่แวดล้อมอยู่โดยรอบพรรคเพื่อไทย
จึงต้องติดตามด้วยความระทึกในดวงใจเป็นพิเศษ