ธงนำ การเมือง ‘เลือกตั้ง’ เป็น ‘เป้า’ ‘ปู’ คือ ทางผ่าน

เหลืออีกเพียง 1 วัน การแถลงปิดคดีจำนำข้าวโดยวาจาของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ก็จะปรากฏขึ้น ณ ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง

ท่ามกลางเงาแห่ง “แผนกรกฎ 52”

การดำเนินการตามแผนโดยขั้นแรก คือ การสั่งการให้ตำรวจสันติบาลไปแจ้งความกล่าวหาว่า นายวัฒนา เมืองสุข กระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 116

คือ จังหวะก้าว “สำคัญ”

Advertisement

สะท้อนให้เห็นความวิตกของ 1 คสช. และ 1 รัฐบาล มิได้อยู่ที่การแถลงปิดคดีโดยวาจาจากปากของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อย่างเดียว

หากอยู่ที่ “มวลชน” ที่จะมาให้ “กำลังใจ” ด้วย

ความผิดอันปรากฏจากการแจ้งความของตำรวจสันติบาลอาศัยหลักฐานจากการโพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กของ นายวัฒนา เมืองสุข ว่าจะเดินทางไปศาลในวันที่ 1 และวันที่ 25 สิงหาคมเป็นสำคัญ

Advertisement

นี่คือ ความหวาดกลัวต่อ “อารมณ์” ในทาง “สังคม”

มีคนเปรียบเทียบว่า การขับเคลื่อนคดีจำนำข้าวโดยมี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นเป้าหมาย “เดิมพัน” อันใหญ่หลวงยิ่งในทางการเมือง

คล้ายกับเป็นเดิมพันทั้ง “คสช.” และ “ยิ่งลักษณ์”

แต่ในความเป็นจริง นี่มิใช่เดิมพันของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เพราะอดีตนายกรัฐมนตรีถูกจัดการตั้งแต่ก่อนและในรัฐประหารเมื่อเดือนพฤษภาคม 2557 มาแล้ว

ตรงนี้คือ ความต่อเนื่องและขยายผลมากกว่า

หากจะถือว่าเป็น “เดิมพัน” ก็น่าจะเป็นของ คสช.อันมีบทบาทอย่างสำคัญในรัฐประหารเมื่อเดือนพฤษภาคม 2557

จะ “เสียของ” เหมือนรัฐประหารเมื่อเดือนกันยายน 2549 ก็อยู่ตรงนี้

การแถลงปิดคดีด้วยวาจาของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร จึงเป็นการดิ้นครั้งสุดท้ายหลังจากถูกกระหน่ำอย่างต่อเนื่องทั้งก่อนและหลังรัฐประหาร

คำถามอยู่ที่ว่าจะเป็นการ “แจ้งตาย” หรือเป็นการ “แจ้งเกิด”

 

หากดูจากการขยับขับเคลื่อนของ 1 คสช. 1 รัฐบาล ประหนึ่งว่าความหวาดกลัวจะพุ่งไปยังการมาของ “มวลชน”

จึงได้ประกาศ “แผนกรกฎ 52” ออกมา

จึงได้ส่ง “ห้อยโหน” ไม่ว่าจะเป็น สนช. ไม่ว่าจะเป็นกรรมการผู้ช่วยรองนายกรัฐมนตรี ออกมาตีปลาหน้าไซในเรื่องมวลชน “รับจ้าง”

ทั้งๆ ที่ความจริงเรื่องของ “มวลชน” มิได้เป็นเรื่องใหญ่โต

เพราะการเดินทางไปพื้นที่หน้าศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองรวม 16 นัดตั้งแต่ปี 2559 จนถึงปี 2560

ก็เสมอเป็นเพียงการให้ความอบอุ่น ปลอบประโลม

มิได้มีอะไรที่สะท้อนออกหรือยืนยันว่าเป็นปฏิบัติการในทางการเมือง ตรงกันข้าม เป็นเรื่องน้ำใจไมตรี เป็นเรื่องที่ดำเนินตามประเพณีไทยแท้แต่โบราณ

ใครร้องไห้ก็เช็ดน้ำตา ใครเดือดร้อนก็ช่วยเหลือ

เป้าหมายอย่างแท้จริงมิได้อยู่ที่รูปคดี เพราะสำเหนียกรู้อยู่เป็นอย่างดีตั้งแต่มีการนำมาตรา 44 ออกมาสำทับในเรื่องอายัดและยึดทรัพย์แล้ว

แต่ที่บ่มเพาะ คือ ผลในเรื่อง “เลือกตั้ง” มากกว่า

 

ในที่สุดแล้ว ยุทธศาสตร์อย่างแท้จริงและแน่วแน่ของพรรคเพื่อไทย คือ ต้องการไปวัดและประเมินผลจากกระบวนการของ “การเลือกตั้ง” มากกว่า

น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ก็เหมือน “ทางผ่าน”

ทางผ่านทำนองเดียวกับที่ นายทักษิณ ชินวัตร ประสบจากรัฐประหารเมื่อเดือนกันยายน 2549 แต่ก็ยังตามหลอกหลอนมากระทั่งหลังรัฐประหารเมื่อเดือนพฤษภาคม 2557

เพราะนี่คือ “ปฏิมา” คือธงใน “การเลือกตั้ง”

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image