คนไทย’ดูอะไร? โดย ปราปต์ บุนปาน

แฟ้มภาพ

ระยะหลังๆ อีกหนึ่งดัชนีชี้วัดสภาพเศรษฐกิจของประเทศโดยรวม ตลอดจนความเปลี่ยนแปลงใหญ่ของอุตสาหกรรมสื่อสารมวลชน ที่ชอบนำมาอ้างอิงกัน ก็คือ ผลประกอบการของสถานีโทรทัศน์

ปัจจุบัน เมืองไทยมีสถานีโทรทัศน์ฟรีทีวีอยู่ 25 ช่อง ที่ผลประกอบการมีกำไรจริงๆ

ตอนนี้นับได้สองช่อง ที่พอจะมีอนาคต ก็อาจไม่เกินห้าช่อง

ส่วนที่เหลือล้วนขาดทุนด้วยตัวเลขมหาศาลทั้งสิ้น

Advertisement

ปัจจัยข้อหนึ่งที่เกี่ยวพันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้กับผลประกอบการทางธุรกิจของสถานีโทรทัศน์ คือคำถามว่าผู้ชมเขาดูอะไรกัน? และดูอย่างไร?

ดูเหมือนจะมีการพยายามถกเถียงหาคำตอบให้คำถามข้อหลังมากพอสมควร เกี่ยวกับสถานการณ์ที่เทคโนโลยีอินเตอร์เน็ต-สมาร์ทโฟน เข้ามาเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมคนดูอย่างสำคัญ

สำหรับคำถามข้อแรก ดูคล้ายคำตอบจะยังอยู่ที่การให้บริการจัดอันดับเรตติ้งรายการโทรทัศน์ยอดนิยม

Advertisement

เมื่อลองคลิกเข้าไปในเว็บไซต์ “เอจีบีนีลเซ่น” คำตอบต่อคำถามที่ว่าผู้ชมเขาดูอะไรกันบ้าง? ก็มีความเด่นชัดยิ่งขึ้น

ยกตัวอย่างจากผลการวัดเรตติ้งประจำวันที่ 24-30 กรกฎาคม 2560

น่าสนใจว่าโปรแกรมยอดนิยมระดับ “ท็อปไฟว์” ของประเทศนั้น มาจากช่อง 7 ทั้งหมด

เริ่มจากละครเย็น “มือปืนพ่อลูกติด” (เรตติ้ง 7.868), ละครค่ำ “มือเหนือเมฆ” (7.085), ละครพื้นบ้าน “เทพสามฤดู” (6.535) ละครค่ำ “มือปราบเจ้าหัวใจ” (6.503) และละครค่ำ “เรือนพะยอม” (6.237)

(ยังไม่รวมข่าวภาคค่ำและรายการเส้นทางบันเทิงที่มีเรตติ้งเฉียด 7 เพราะได้รับอิทธิพลจากความนิยมของละครหลังข่าวข้างเคียง)

ขณะที่ “The Mask Singer หน้ากากนักร้อง” ซึ่งเคยสร้างปรากฏการณ์ผงาดขึ้นเป็นรายการยอดนิยมอันดับหนึ่งของประเทศ ในช่วงระยะเวลาหนึ่ง ก็เริ่มอ่อนแรงลง

ล่าสุด เรตติ้งของ “หน้ากากนักร้อง 2” (ซึ่งกำลังใกล้ถึงรอบตัดสินแชมป์ประจำซีซั่น) นั้นอยู่ที่ 6.124 แม้ยังเป็น “หมายเลขหนึ่ง” ของช่องเวิร์คพอยท์ แต่หลุดออกมาจาก “ท็อปห้า” ของประเทศ

น่าสังเกตด้วยว่าโปรแกรมระดับหัวกะทิของช่องเวิร์คพอยท์เป็นรายการแข่งขันร้องเพลงทั้งหมด

นอกจาก “หน้ากากนักร้อง 2” ก็ยังมี “ไมค์ทองคำเด็ก 2” (5.380) “ไมค์ทองคำ ปี 6” (5.169) “I Can See Your Voice นักร้องซ่อนแอบ” (4.962) และ “เด็กร้องก้องโลก” (3.985)

ทางด้าน ช่อง 3 เอชดี นั้น ก็แทบจะกลายเป็น “เบอร์สาม” ถาวรไปแล้ว

โดยที่โปรแกรมยอดนิยมสองอันดับแรก คือ ละครค่ำ “เดอะ ซิงเกิ้ลมัม คุณแม่เลี้ยงเดี่ยวหัวใจฟรุ้งฟริ้ง” (3.214) และ “อาคม” (3.127) ยังมีเรตติ้งต่ำกว่ารายการของช่อง 7 และเวิร์คพอยท์ ชัดเจน

ส่วนสถานการณ์ของช่องใหญ่ระดับรองๆ ลงไป ช่อง 8 ยังมีซีรีส์มหากาพย์อินเดีย “สีดาราม ศึกรักมหาลงกา” เป็นตัวชูโรงด้วยเรตติ้ง 3.306 พ่วงด้วยรายการถ่ายทอดสดมวยไทย ที่มีเรตติ้งเกิน 3 ถึงสองโปรแกรม

ช่องวัน มีรายการ “ศึกวันดวลเพลง สงครามแชมป์ 2” เพียงโปรแกรมเดียว ที่ได้เรตติ้งเกิน 3 (3.224)

และช่องโมโน 29 ยังคงเลือกใช้กลยุทธ์นำ “ภาพยนตร์ต่างประเทศ” มาช่วยประคับประคองให้รายการระดับท็อปเท็นของช่องมีเรตติ้งเกิน 2 เกือบทั้งหมด

สำหรับสมรภูมิรายการเชิงเล่าข่าว-วิเคราะห์ข่าวหลังยุค “สรยุทธ สุทัศนะจินดา” กลายเป็นว่าคู่แข่งขันสองรายสำคัญ คือ “ทุบโต๊ะข่าว” ช่องอมรินทร์ทีวี ที่มีพิธีกรหลักอย่าง “พุทธ อภิวรรณ”

พร้อมตัวเลขเรตติ้ง 1.781 กับ “ไทยรัฐ นิวส์ โชว์ : ชูวิทย์ ตีแสกหน้า” ที่ได้เรตติ้ง 1.649

แต่รายการ “เรื่องเล่าเสาร์-อาทิตย์” ทางช่อง 3 ก็สามารถรักษาฐานเรตติ้งให้อยู่ในระดับ 2.4 ได้ตลอดเช่นกัน

คงต้องจับตาดูกันว่า คำตอบต่อคำถามที่ว่าคนไทยดูอะไรกันบ้าง? จะเปลี่ยนแปลงไปมากน้อยแค่ไหน?

เมื่อนีลเซ่นจะเริ่มทำการสำรวจเรตติ้งผ่านแพลตฟอร์มการรับชมอื่นๆ นอกเหนือจากจอโทรทัศน์ ตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2560 เป็นต้นไป

………………….

ปราปต์ บุนปาน

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image