ผู้เขียน | สถานีคิดเลขที่ 12 |
---|
“เมื่อไหร่จะรบซักที” เป็นคำถามยอดฮิตในหมู่ผู้ติดตามข่าวเกาหลีเหนือปะทะอเมริกา หรือ คิม VS ทรัมป์ ที่มักปรากฏในช่องคอมเมนต์ของข่าวในเพจเฟซบุ๊ก ทั้งข่าวสดและมติชน
บางคนก็ยังเย้ยว่า มัวแต่คุยโว ขู่ไปขู่มา ไม่เห็นจะเปิดศึกกันเสียที
จริงๆ แล้วการปล่อยให้ “ดีแต่พูด” แล้วไม่มีสงครามเกิดขึ้น น่าจะเป็นทางออกที่ดีกว่า
เพราะถ้าเกิดศึกที่ โดนัลด์ ทรัมป์ บอกว่าเกาหลีเหนือจะเจอ “ไฟบรรลัยกัลป์” อย่างชนิดที่โลกไม่เคยเห็นมาก่อน นั่นหมายความว่า การทำลายล้างย่อมไม่ได้เกิดกับ คิม จองอึน คนเดียว
ยิ่งถ้าย้อนกลับไปดูภาพระเบิดปรมาณูถล่มฮิโรชิม่าและนางาซากิ สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 แล้ว ไฟบรรลัยกัลป์ของอาวุธนิวเคลียร์ไม่ใช่คำเท่ๆ หรือฟังแล้วสะใจ แต่เป็นการฆ่าล้างชีวิตมนุษย์จำนวนมหาศาลที่น่าสยดสยองและสะเทือนขวัญที่สุด
อย่างไรก็ตาม วิกฤตข่มขู่จะใช้อาวุธซัดกันดูจะเริ่มลดดีกรีลง เมื่อมีรายงานว่า นายคิม จองอึน ผู้นำสูงสุดเกาหลีเหนือรับฟังแผนการยิงขีปนาวุธเข้าไปเฉียดเกาะกวม ดินแดนในอาณัติของอเมริกาเรียบร้อยแล้ว เพียงแต่ยังยั้งคำสั่ง “ยิง” เอาไว้ก่อน เพื่อดูท่าทีจากสหรัฐ
ส่วนนายทรัมป์ก็ต้องกลับไปดูแลบ้านเมืองของตัวเอง ไม่ให้กลุ่มคลั่งชาติ-ขวาจัด ฐานเสียงของตนเอง ออกมาอาละวาดอีก อาจช่วยดึงสมาธิที่จะฮึดฮัดใส่เกาหลีเหนือไปได้บ้าง
กระแสเลี่ยงศึกที่สำคัญอีกด้านมาจาก ประธานาธิบดี มุน แจอิน ผู้นำเกาหลีใต้สายพิราบ เพิ่งแถลงเรียกร้องให้ทุกฝ่าย รวมถึงอเมริกา มหามิตรใจเย็นๆ เพราะไม่ควรมีสงครามเกิดขึ้นในคาบสมุทรเกาหลีอีก
เกาหลีเคยรบกันเองโดยมีมหาอำนาจสองฝ่ายหนุนหลังจนเป็นสงครามเกาหลี ช่วงปี 2493-2496 ถึงเวลานี้ยังไม่อาจคืนดีกันได้ ผิดกับเยอรมนีที่ตะวันตกกับตะวันออกผสานเป็นเนื้อเดียวกันไปแล้ว
นายมุนกล่าวถึงสงครามเกาหลีว่าสร้างความสูญเสียให้ชีวิตคนนับล้าน บ้านเมืองล่มสลาย และทิ้งความแตกแยกของคาบสมุทรไว้
สิ่งสำคัญที่สุดสำหรับเกาหลีใต้คือ “สันติภาพ”
คำพูดแบบนี้อาจไม่ถูกใจผู้นิยมความเด็ดขาด ถือศักดิ์ศรีและรักชาติเหนือใคร
แต่ก็เป็นความเคลื่อนไหวนี้มีแนวร่วมเป็นกระแสด้วย อย่างกรณีที่มีกลุ่มสันติภาพเข้ามาแทรกกลางความบาดหมางระหว่างอินเดียกับปากีสถาน ชาติคู่ปรับที่ขัดแย้งและปะทุความรุนแรงมาตั้งแต่แยกดินแดนกันในปี 2490
เป็นกลุ่มที่ใช้ชื่อว่า “เสียงของราม” หรือ Voice of Ram ก่อตั้งในชุมชนเฟซบุ๊ก เพิ่งทำเพลงชาติคู่อินเดีย-ปากีสถาน ให้นักร้องสองประเทศร่วมกันขับขาน มีเนื้อหาให้ความหวังและขอให้ทุกคนอดกลั้น เพื่อสร้างสันติภาพ
ความที่กลุ่มชาตินิยมของทั้งสองประเทศต่างกล่าวหาผู้เรียกร้องสันติภาพว่าเป็นพวกทรยศชาติ และไม่เห็นแก่ทหารที่สละชีพเพื่อชาติ จึงทำให้คนส่วนใหญ่กลัวที่จะพูดถึงสันติภาพ
แต่ผู้ทำมิวสิกวิดีโอชุดนี้มองว่าความกลัวนี้ไร้เหตุผล จึงจัดทำวิดีโอนี้เพื่อเป็นจุดเริ่มต้นและก้าวเล็กๆ ของสันติภาพ
เป็นการเตือนสติคล้ายกับเพลง Imagine ของ จอห์น เลนนอน ที่ทิ้งความหวังไว้ให้มีโลกสวยบ้าง
จะได้ลดคำถามที่เชียร์กันว่า เมื่อไหร่จะรบกันซักที
………….
ชุมฉันท์ ชำนิประศาสน์