| ผู้เขียน | คอลัมน์หน้า 3 มติชน |
|---|
มีข้อมูล 2 ข้อมูล หากนำมาต่อและประสานเข้าด้วยกันจะช่วยให้เข้าใจต่อสถานการณ์ “การหายตัว” ไปของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ได้มากยิ่งขึ้น
เพียงแต่ “มากยิ่งขึ้น” มิใช่ “เบ็ดเสร็จ” เด็ดขาด
1 เป็นเอกสารที่สื่อทุกฉบับประจำวันจันทร์ที่ 28 สิงหาคม ได้นำเสนออย่างพร้อมเพรียงกัน โดยอ้างว่าเป็นแหล่งข่าว “ด้านความมั่นคง”
เป็นข่าวในเชิง “วิเคราะห์” และ “ประเมิน”
เป็นข่าวในลักษณาการเดียวกันกับที่เคยมีการ “ปล่อย” ออกมาและปรากฏผ่านสื่อทุกฉบับประจำวันอาทิตย์ที่ 23 กรกฎาคม
อันเป็นต้นเค้าแห่ง “แผนกรกฎ 52” ในเวลาต่อมา
ขณะเดียวกัน หากประสานเข้ากับการให้สัมภาษณ์ยาวเหยียดของ พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท ซึ่งปรากฏเป็นข่าวผ่านสื่อทุกฉบับประจำวันพุธที่ 30 สิงหาคม
กรณีการหายตัวไปของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ก็จะมีความแจ่มชัดขึ้น
การประเมินและวิเคราะห์ผ่าน “เอกสาร 28 สิงหาคม” ของหน่วยงานด้านความมั่นคง ยอมรับว่าไม่ได้ให้น้ำหนักกับกรณี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ไม่มาฟังคำตัดสินของศาล
“แต่ให้น้ำหนักในเรื่องผลกระทบและสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้นจากคำตัดสินของศาลมากกว่า รวมถึงการเตรียมมาตรการรองรับเหตุการณ์”
นั่นก็คือ การประเมินสถานการณ์ไปใน 2 แนวทาง
1 หากคำตัดสินออกมาว่าผิด จะเกิดอะไรขึ้น และ 1 หากคำตัดสินออกมาว่าไม่ผิด จะเกิดอะไรขึ้น
การประเมินในลักษณะอย่างนี้เองที่ พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท กล่าวก่อนสถานการณ์ในวันที่ 25 สิงหาคม 1 วันว่า
“มีการวางแผนไว้ทุกขั้นตอนที่เรียกว่า Worse Case”
กระนั้น ก็ต้องยอมรับว่า ภายใน “กรณีเลวร้ายที่สุดที่อาจจะเกิดขึ้น” นั้น มิได้มีกรณีที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ไม่เดินทางมารับฟังคำพิพากษา
ตรงนี้แหละคือ ช่องโหว่ทางด้าน “การข่าว”
ช่องโหว่ทางด้าน “การข่าว” เช่นนี้เองที่นำไปสู่การวางกำลังไว้ที่บริเวณหน้าศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองอย่างเป็นด้านหลัก
นั่นก็คือ ทุ่มกำลังพลระหว่าง 4,000-5,000 นาย
แต่ไม่ว่าที่บ้านในซอยโยธินพัฒนา 3 ไม่ว่าการเคลื่อนไหวในแต่ละก้าวย่างของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร กลับถูกละเลย
1 “คสช.ไม่ได้ตายใจ แต่ให้เกียรติซึ่งกันและกัน”
ขณะเดียวกัน 1 “เขาอยู่ในขั้นตอนกระบวนการยุติธรรม ไปไหนมาไหนอย่างเปิดเผย ที่สำคัญวางเงินประกันไว้ 30 ล้าน ใครจะคิดว่าเขาจะทิ้งเงินประกัน” ผลก็คือ “หลายคนก็ตกใจ”
หลังจากศาลออก “หมายจับ” ในเวลา 10.00 น. ของวันที่ 25 สิงหาคม จึงเกิด “ความตื่นตัว” ไม่ว่าทหาร ไม่ว่าตำรวจ
แต่ผลก็คือ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ได้หายตัวไปแล้ว เป็นการหายตัวไปอย่างชนิดไร้ร่องรอย อันสะท้อนตามบทสรุปของ พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท อย่างรวบรัด ว่า
“เป็นปฏิบัติการลับและก็ปิดลับได้ดี”
ทั้งหมดเท่ากับยืนยันได้ว่า ปฏิบัติการลับและก็ปิดลับได้ดีของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ครั้งนี้เกิดขึ้นอย่างนอกเหนือการคาดหมาย
ไม่ว่าจะจาก “ทหาร” ไม่ว่าจะจาก “ตำรวจ”
อาจมองและประเมินกันว่า น่าจะมาจากการวางแผนจาก “นอกประเทศ” แต่คำถามก็คือ หากไม่ได้รับความร่วมมือจาก “ในประเทศ” จะสำเร็จได้หรือ
นี่จึงมิได้เป็นเรื่องของการตัดสินใจใน “วินาทีสุดท้าย” แน่นอน
