ผู้เขียน | คอลัมน์หน้า 3 มติชน |
---|
กรณีของ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ สะท้อนให้เห็นอย่างเด่นชัดถึงความพยายามของ คสช. ความพยายามของรัฐบาลในการสร้างพันธมิตรใน “แนวร่วม”
เหมือนกับที่มีการทอดสะพานให้พรรคเพื่อไทย
อย่างเช่นการเชิญตัวแทนพรรคเพื่อไทยเข้าร่วมในการเสนอความเห็นในประเด็นว่าด้วยการปรองดอง สมานฉันท์
ให้น้ำหนักพอๆ กับพรรคประชาธิปัตย์
ไม่ว่าในกรณีอันเกี่ยวกับเรื่องการปรองดอง สมานฉันท์ ไม่ว่าในกรณีอันเกี่ยวกับการแต่งตั้งให้ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ เป็นส่วนหนึ่งภายในคณะกรรมการยุทธศาสตร์แห่งชาติ
เป็นการยื่นมือแห่งไมตรีมาอย่างแน่นอน
ปัญหาจึงอยู่ที่ว่าพรรคเพื่อไทยจะคิดและตัดสินใจอย่างไร ปัญหาจึงอยู่ที่ว่า นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ จะคิดและตัดสินใจอย่างไร
ทั้งหมดคือประเด็น ทั้งหมดคือปัญหา
หากประเมินจากผลสะเทือนอันเนื่องแต่ความพยายามของ คสช. ต่อพรรคเพื่อไทยและต่อ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ต้องยอมรับในความเขี้ยวความคมของ คสช.
เป้าหมายมิได้อยู่ที่พรรคเพื่อไทย หากแต่อยู่ที่ “กองเชียร์”
คำถามก็คือ พรรคเพื่อไทยจะไปร่วมทำไมในเมื่อกรณีปรองดอง สมานฉันท์ เสมอเป็นเพียงเรื่องของรูปแบบ เป็นพิธีกรรมเท่านั้น
แต่ที่สุดพรรคเพื่อไทยก็จำเป็นต้องให้ความร่วมมือ
เพราะหากไม่ร่วมมือโอกาสที่พรรคเพื่อไทยจะถูกมองว่าเป็นปัจจัยรั้งดึงและทำให้การปรองดอง สมานฉันท์ กลายเป็นปัญหาก็จะตามมา
เห็นหรือไม่ในความเขี้ยวของ คสช.
ยิ่งในกรณีของ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ยิ่งมากด้วยความแหลมคมและทวีความร้อนแรงในทางการเมือง
พลันที่มีชื่อ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ เป็น 1 ในคณะกรรมการในประเด็นอันเกี่ยวกับยุทธศาสตร์แห่งชาติ คสช.ก็รอดูอย่างเยือกเย็น
รอดูเหมือนกับ “กองเชียร์” ของ คสช.
ผลก็คือ ภายใน “แนวร่วม” ที่เคยชมชอบต่อพรรคเพื่อไทย ชมชอบต่อ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ เกิดปฏิกิริยาอย่างร้อนแรง
ทั้งๆ ที่ยังไม่รู้ข้อเท็จจริงว่าเป็นอย่างไร
เสียงด่า นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ก็ดังกระหึ่ม แม้ในอีก 2 วันต่อมา นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ จะออกมาปฏิเสธเทียบเชิญของ คสช.
แต่อารมณ์ค้างก็ยังดำรงอยู่ในหมู่คนที่เคยชื่นชอบ
ปฏิกิริยาเช่นนี้ 1 สะท้อนให้เห็นว่าอารมณ์และความหงุดหงิดของบางพวกบางกลุ่มต่อ คสช.นั้นรุนแรง ล้ำลึก
ขณะเดียวกัน 1 ก็ดำเนินไปในลักษณะ “สุดโต่ง”
เป็นความเรียกร้องต้องการในเชิงที่ว่า หากเห็นใครไม่เป็นไปตามที่ตนหรือพวกตนต้องการให้เป็นใครคนนั้นก็ต้องกลายเป็นศัตรู
ศัตรูที่ต้องทำลายล้าง ไม่ยอมร่วม “ฟ้าเดียวกัน”
หากมองจากกรณีปรองดอง สมานฉันท์ หากมองจากกรณีการส่งเทียบเชิญให้กับ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ก็ต้องยอมรับในความมากด้วยเขี้ยวมากด้วยคม
เป็นเขี้ยวและคมจาก “คสช.”
ไม่ต้องทำอะไรมากก็สามารถ “ปั่น” สถานการณ์ให้เกิดการทะเลาะวิวาทอย่างทันทีทันควันในอีกฝ่ายอย่างร้อนแรง เปี่ยมด้วยอารมณ์
ทุกอย่างดำเนินไปตามหลัก “การศึกมิหน่ายเล่ห์” โดยแท้