ผู้เขียน | คอลัมน์หน้า 3 มติชน |
---|
พลันที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้า คสช.และหัวหน้ารัฐบาล ยืนยันต่อ ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ว่าประเทศไทยจะมีการเลือกตั้งในปี 2561
ก็เท่ากับเป็นการให้ “คำมั่น”
เหมือนกับที่เคยให้คำมั่นต่อนายกรัฐมนตรี ชินโสะ อาเบะ ที่กรุงโตเกียว เหมือนกับที่เคยให้คำมั่นต่อผู้นำโลกในที่ประชุมใหญ่สหประชาชาติ กรุงนิวยอร์ก
จึงเรียกกันว่า “ปฏิญญา โตเกียว” จึงเรียกกันว่า “ปฏิญญา นิวยอร์ก”
และสภาพการณ์อันเกิดขึ้น ณ กรุงวอชิงตัน เมื่อวันที่ 2 ตุลาคม จึงน่าจะสรุปและเรียกได้ว่า นี่คือ “ปฏิญญา ทำเนียบขาว”
ทั้งๆ ที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็เคยกล่าวเช่นนี้มาแล้วหลายครั้ง เหตุใดจึงให้น้ำหนักกับสถานการณ์อันเป็นที่มาแห่ง “ปฏิญญา ทำเนียบขาว” ค่อนข้างสูง
ตรงนี้ต้องทำความเข้าใจ
ความเข้าใจที่สำคัญเป็นอย่างมากก็คือ คำประกาศของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ต่อหน้า ประธานาธิบดี
โดนัลด์ ทรัมป์ เกิดขึ้นอย่างสุกงอม
“ประธานาธิบดีสหรัฐไม่ได้ถาม แต่ผมได้แสดงความเชื่อมั่นออกไป”
เหตุผลพื้นฐาน 1 คือ “เพราะไม่ได้ปกปิดใคร” เหตุผลพื้นฐาน 1 คือ “เพราะไม่ได้บิดเบือนอย่างที่หลายคนกล่าวอ้าง”
ความหมายก็คือ เป็นการพูดตาม “รัฐธรรมนูญ”
ความจริง เนื้อหาการพูดในลักษณะเช่นนี้มิได้มีแต่เพียงจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เท่านั้น หาก พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ก็เคยพูด
นายวิษณุ เครืองาม ก็เคยพูด นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ก็เคยพูด
แต่ที่หนักแน่น จริงจัง ย่อมสัมผัสได้จากการพูดของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ณ ทำเนียบขาว โดยมีประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ เป็นประจักษ์พยาน
นี่คือ คำมั่นสัญญา เป็น “สัญญาประชาคม”
คําประกาศของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ต่อหน้าประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ มีผลในทางกดดันอย่างน้อยก็ 2 คณะโดยปริยาย
1 เป็นคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ ซึ่งทำ “กฎหมายลูก”
1 เป็นสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ซึ่งแบกรับหน้าที่ในการพิจารณาร่างกฎหมายลูกอย่างน้อย 4 ฉบับต่อจากคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ
จะเสร็จหรือไม่เสร็จขึ้นอยู่กับ 2 คณะนี้
ที่บอกว่าทุกอย่างจะเรียบร้อยภายในเดือนธันวาคม 2560 ที่บอกว่าการเลือกตั้งน่าจะเกิดขึ้นในห้วงเดือนพฤศจิกายน-ธันวาคม 2561
ก็มาจาก “ผลงาน” และความสำเร็จของ 2 คณะนี้
หากมองจากสภาพความเป็นจริงที่ไม่ว่าคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ ไม่ว่าสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ล้วนเป็น 1 ใน “แม่น้ำ 5 สาย”
นั่นก็คือ ได้รับแต่งตั้งมาจากคสช. เป็นคณะที่ คสช.ต้องการให้ทำงานตามเป้าหมายที่กำหนดไว้จากรัฐประหารเมื่อเดือนพฤษภาคม ก็ไม่น่าจะเป็นปัญหา
เพราะทุกคนล้วน “นั่งอยู่ในเรือแป๊ะ” ทั้งสิ้น
จากนี้แสงแห่งสปอตไลต์จึงย้ายออกจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ย้ายออกจาก พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ไปยังอีก 2 คน
1 คือ นายมีชัย ฤชุพันธุ์ 1 คือ นายพรเพชร วิชิตชลชัย
เป็นแสงแห่งสปอตไลต์จากพรรคการเมืองที่ต้องการเลือกตั้ง เป็นแสงแห่งสปอตไลต์จากพลเมืองที่ต้องการเลือกตั้ง