ฉายา “ชีกแห่งสไนเปอร์” ช่างเตะตา จนต้องพลิกอ่านข่าวที่สำนักข่าวต่างประเทศรายงานเมื่อไม่กี่วันมานี้ โดยกล่าวถึงการเสียชีวิตของนายอาบู ทาห์ซิน อัล-ซาลฮี นักรบคนสำคัญของกองทัพอิรัก ผู้ทำหน้าที่พลซุ่มยิงระยะไกลหรือสไนเปอร์ ซึ่งมีผลงานอันลือลั่น
ข่าวระบุว่า นายซาลฮีเป็นมือปืนสไนเปอร์ที่กรำศึกมาตั้งแต่ปี 2516 ในสงครามอาหรับ-อิสราเอล
มาในสงครามสู้รบกับกองกำลังรัฐอิสลามหรือไอเอสล่าสุด นายซาลฮีทำผลงานสังหารไอเอสไปกว่า 320 ราย เฉลี่ยวันละ 4 ศพ
จนได้ฉายาว่า ชีกแห่งสไนเปอร์!!
ก่อนจะเสียชีวิตขณะอายุ 63 ปี ในการปะทะที่เมืองฮาวีจา ภาคตะวันตกเฉียงเหนือ ขณะกองทัพอิรักพยายามยึดคืนจากไอเอส เมื่อวันศุกร์ที่ 29 กันยายนที่ผ่านมา
มีการจัดพิธีศพในวันรุ่งขึ้น ที่เมืองบาสรา ทางตอนใต้ของอิรัก ท่ามกลางความอาลัยของเหล่าเพื่อนทหารนักรบ
ข่าวนี้เป็นบรรยากาศการยกย่องเชิดชูวีรกรรมของผู้เก่งกาจในศึกสงคราม
สไนเปอร์ที่ใช้ในการประหัตประหารชีวิตของทหารฝ่ายตรงข้าม นั่นก็เป็นเรื่องของการสู้รบระหว่างทหารกับทหาร
แต่ถ้าใช้กับพลเมืองที่บริสุทธิ์ และไม่ใช่ในสงคราม สมควรต้องป่าวประณามและดำเนินคดีทางกฎหมายในข้อหาฆ่าคนตาย
จากอิรักมายังสหรัฐอเมริกา ซึ่งกำลังมีข่าวการสังหารหมู่ที่เขย่าขวัญคนทั่วโลก
เป็นเหตุกราดยิงสะเทือนขวัญอย่างเลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์ยุคใหม่ของสหรัฐอเมริกา ในนครลาสเวกัส รัฐเนวาดา เมื่อนายสตีเฟน แพดด็อก วัย 64 ปี ใช้อาวุธปืนกว่าสิบกระบอก สาดกระสุนหลายร้อยนัดจากชั้น 32 ของอาคารโรงแรมมัณฑะเลย์เบย์รีสอร์ต แอนด์ กาสิโน ใส่ฝูงชนที่ร่วมงานเทศกาลงานดนตรีคันทรี รูต 91 ฮาร์เวสต์ อย่างไม่เลือกหน้าจนมีผู้เสียชีวิต 59 ราย บาดเจ็บ 527 ราย
ส่วนมือปืนผู้ก่อเหตุได้ยิงตัวตาย จนต้องมาค้นหาสาเหตุการก่อเหตุสยดสยองที่แท้จริงต่อไป
แต่ที่แน่นอนคือ คนร้ายได้ตระเตรียมแผนการสังหารหมู่ผู้คนมาอย่างพร้อมสรรพ เลือกห้องพักที่อยู่ตรงข้ามกับลานดนตรี เลือกชั้นในมุมสูง ที่สามารถสาดกระสุนใส่ฝูงชนได้อย่างเหมาะเจาะมันมือ ทั้งมาเปิดห้องพักเอาไว้ล่วงหน้าหลายวัน เพื่อการเตรียมพร้อม ทยอยลักลอบนำอาวุธปืนสงครามเข้าไปในห้องพัก
จงใจจะฆ่าหมู่ผู้คนให้เลือดนองสยองขวัญมากที่สุดเป็นประวัติศาสตร์
จาก 2 ข่าวใหญ่ในต่างประเทศ คือ เรื่องราวของชีกแห่งสไนเปอร์ ในสงครามอิรักกับไอเอส
และการฆ่าหมู่โดยเลือกทำเลจากมุมสูง เพื่อกราดยิงฆ่าคนที่ไม่มีทางหนีอย่างอำมหิต ทำให้ลานดนตรีกลายเป็นลานประหาร
ทั้ง 2 เรื่องนี้ ผสมรวมกันอยู่ในเหตุการณ์ในประเทศไทยเราเมื่อปี 2553
มีการนำสไนเปอร์ที่เอาไว้ล่าสังหารศัตรูในสมรภูมิสงคราม มาใช้ในการสลายการชุมนุมประท้วงกลางเมือง
รวมทั้งมีหน่วยยิงจากชัยภูมิที่สูงลงไปภายในลานวัดปทุมวนาราม
ทั้งหมดนี้ไม่ได้กล่าวเลื่อนลอย มีพยานหลักฐานเป็นจริงปรากฏอยู่มากมาย
แต่ยังไม่มีใครรับผิดชอบ และยังไม่สามารถหาช่องทางเพื่อนำคดีเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมได้
………………….
สุริวงค์ เอื้อปฏิภาน