ผู้เขียน | สถานีคิดเลขที่ 12 |
---|
หลังจากเกิดวิวาทะเรื่องน้ำท่วมกรุงเทพฯ ฝ่ายบริหารของ กทม.ได้มาชี้แจง
นายจักกพันธุ์ ผิวงาม รองผู้ว่าฯกทม. ชี้แจงกรณีน้ำท่วมขังเมื่อวันที่ 14 ตุลาคม ว่าเกิดจากฝนตกปริมาณมาก และตกเต็มพื้นที่
การบริหารจัดการรับน้ำฝนของ กทม. ดำเนินการดังนี้
หนึ่ง “พร่องน้ำในคลอง” ให้อยู่ในระดับติดลบ 1.7-1.8 ม.รทก. ซึ่งต่ำกว่าระดับทะเลปานกลาง
หนึ่ง การระบายน้ำทางท่อ ซึ่งท่อระบายน้ำของ กทม. สามารถรองรับปริมาณฝนตกสะสมในเวลา 3 ชั่วโมง ได้ไม่เกิน 80 มิลลิเมตร
หนึ่ง การสูบน้ำผ่านอุโมงค์ระบายน้ำลงไปสู่แม่น้ำเจ้าพระยา
นายจักกพันธุ์ชี้แจงว่า คืนวันที่ 13 ตุลาคม ฝนตกหนักสุดในรอบ 30 ปี มีปริมาณน้ำฝนเฉลี่ย 200 มม.
คลองที่พร่องน้ำมีน้ำเต็ม ท่อระบายน้ำไม่สามารถรองรับปริมาณน้ำมากๆ เช่นนี้ได้ทัน
การสูบน้ำต้องไล่ระบายน้ำจากริมฝั่งเจ้าพระยาก่อนแล้วค่อยทยอยระบายน้ำในพื้นที่อื่นๆ ตามลำดับ
น้ำจึงท่วมและรอการระบาย
นายจักกพันธุ์ยกตัวอย่างฝนตกหนักในพื้นที่เขตพระนคร มีฝนตกมากที่สุด คือ 203 มม. แต่กลับแห้งเร็วกว่าบริเวณอื่น
ทำให้น้ำท่วมขังบริเวณถนนหน้าพระลาน ระดับ 15-20 ซม. และถนนสนามไชย ระดับ 30 ซม. ตั้งแต่เวลา 01.35 น. แห้งลงในเวลา 05.30 น.
หรือประมาณ 4 ชั่วโมงก็แห้งลง
ทั้งนี้ เพราะระบบสูบน้ำในพื้นที่เขตพระนครซึ่งอยู่ติดริมแม่น้ำเจ้าพระยาพัฒนาจนมีประสิทธิภาพ
ขณะที่แม่น้ำเจ้าพระยาในตอนนั้นเป็นช่วงน้ำไหลออกสู่ทะเล
จึงเร่งระบายน้ำได้เร็ว
นอกจากนี้ นายจักกพันธุ์ยังบอกว่า ในวันนั้นมีงูเขียวเลื้อยพันสายไฟแรงสูง เกิดไฟฟ้าลัดวงจร ทำให้เครื่องสูบที่สถานีสูบน้ำริมบึงมักกะสันทำงานไม่ได้
ต้องใช้เวลาซ่อม กว่าจะแล้วเสร็จก็ประมาณ 14.00 น. วันที่ 14 ตุลาคม
หลังจากเครื่องสูบน้ำทำงานได้ ก็สามารถดึงน้ำในพื้นที่ท่วมขังให้แห้งได้ภายใน 40 นาที
ฟังๆ แล้วพอสรุปได้ว่า ถ้าภายใน 3 ชั่วโมงปริมาณน้ำสะสมมีมากกว่า 80 มม. แล้วล่ะก็ … ท่วมแน่
ฟังๆ แล้วสรุปได้อีกว่า ถ้าน้ำท่วมแล้วเกิดปัญหาที่สถานีสูบน้ำจนทำงานไม่ได้แล้วล่ะก็ … ท่วมนาน
ดังนั้น หากประชาชนสนใจว่า ฝนที่กำลังเทกระหน่ำลงมาที่กรุงเทพฯนั้นจะท่วมถนนหรือไม่ คงต้องเปิดข้อมูลดูปริมาณน้ำฝนสะสม
ถ้าพื้นที่ใดมีมากกว่า 80 มม. ต้องตรวจสอบทางเว็บไซต์ว่า พื้นที่ใดน้ำท่วมขังบ้าง
และหากอยากทราบว่า น้ำที่ท่วมจะแห้งเมื่อใด ต้องเช็กประสิทธิภาพการทำงานของสถานีสูบน้ำ
ถ้าสถานีสูบน้ำสมบูรณ์ คาดการณ์ว่าไม่น่าเกิน 4 ชั่วโมง น้ำก็แห้ง
แต่หากเสีย คงต้องเริ่มนับเวลาน้ำแห้งหลังจากสถานีสูบน้ำทำงานได้
ส่วนประเด็นว่า สถานีสูบน้ำควรจะเริ่มเดินเครื่องเมื่อใด
ขอตอบแทนชาว กทม.ว่า เร็วที่สุด
สิ่งที่ยังอยากรู้อยู่ก็คือ ชาวกรุงจะรู้ล่วงหน้าได้ไหมว่าปริมาณฝนที่จะตกนั้นมากน้อยแค่ไหน
จะได้เตรียมตัว “ยกของขึ้นที่สูง” ก่อนท่วม
……………
นฤตย์ เสกธีระ [email protected]