วันคืนล่วงไปนับแต่วันที่ 6 เมษายน พุทธศักราช 2560 ถึงวันนี้ 27 ตุลาคม 2560 ประกาศใช้รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักร พุทธศักราช 2560 มา 6 เดือน 21 วัน
พระราชบัญญัติสำคัญที่จะทำให้มีการเลือกตั้งตามรัฐธรรมนูญ มีออกมาแล้ว 2 ฉบับ คือ พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง
พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง
ส่วนอีก 2 ฉบับ ซึ่งฉบับหนึ่งเป็นฉบับที่มีความสำคัญเกี่ยวข้องกับประชาชนและพระราชบัญญัติทั้งสองฉบับ คือ พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร อีกฉบับหนึ่งไม่สู้จะเกี่ยวข้องกับประชาชนเท่าใดนัก แต่เกี่ยวข้องกับรัฐบาลมากกว่า คือพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา
เวลาผ่านมาแล้วกว่า 6 เดือน คณะรักษาความสงบแห่งชาติ โดยเฉพาะหัวหน้าคณะควรจะผ่อนการใช้มาตรา 44 กับกิจกรรมทางการเมืองลงไปบ้าง เพื่อผ่อนคลายบรรยากาศการใช้อำนาจ “เผด็จการ” ไปสู่บรรยากาศประชาธิปไตย ดังมาตรา 2 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย “ประเทศไทยมีการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข”
มิเช่นนั้นแล้ว จะเป็นการใช้อำนาจอธิปไตยซึ่งเป็นของปวงชนชาวไทย พระมหากษัตริย์ผู้ทรงเป็นประมุขใช้อำนาจนั้นตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ ผิดหลักการของระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
การคลี่คลายบรรยากาศเพื่อให้เป็นไปตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญประการแรก คือ การให้พรรคการเมืองเริ่มหาสมาชิกพรรคการเมืองนั้น เพื่อให้ได้จำนวนเท่าที่บทบัญญัติกำหนดไว้ และเพื่อให้สมาชิกพรรคการเมืองนั้นมีโอกาสศึกษาแนวนโยบายของพรรคการเมืองนั้นในเบื้องต้นเพื่อมีโอกาสเสนอแนะและตรวจสอบนโยบายนั้น อันจะนำไปสู่ผลการเลือกตั้ง และ/หรือ การจัดตั้งรัฐบาลต่อไป
อีกประการหนึ่ง คือเลิกกฎหมายว่าด้วยการชุมนุมทางการเมืองเกินกว่า 5 คน ที่เป็น “หอกในมือ” นำมาทำร้ายประชาชนกรณีเจ้าหน้าที่อาจกลั่นแกล้งผู้ที่ประชุมหารือเรื่องการเมืองได้โดยไม่มีเหตุผล
แต่เพื่อให้รัฐบาลและคณะรักษาความสงบแห่งชาติไม่ต้องมานั่งจับผิดผู้ที่วิพากษ์วิจารณ์รัฐบาล คณะรัฐมนตรี และคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ไปในทางที่คิดว่าเสียหาย การมีกำหนดข้อนี้ไว้เป็นข้อห้ามก็ได้ ไม่ว่ากัน แต่อย่านำมาใช้หาเรื่องเพื่อนำตัวไป “ปรับทัศนคติ” เท่านั้น
สำหรับคณะกรรมการการเลืองตั้ง มีกำหนดกฎเกณฑ์ไว้แล้ว ขอให้ปฏิบัติตามนั้น หากต้องการให้ประชาธิปไตยเกิดขึ้นในบ้านนี้เมืองนี้จริง และควรดำเนินการอย่างตรงไปตรงมา โปร่งใส เพื่อให้คณะกรรมการการเลือกตั้งปฏิบัติหน้าที่ให้ได้ผู้รับเลือกตั้งจากประชาชนที่สุจริต สมกับเป็นผู้แทนราษฎรอย่างแท้จริง
การที่นายกรัฐมนตรีซึ่งมีฐานะเป็นหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ประกาศว่าในเดือนมิถุนายน 2561 จะประกาศวันเลือกตั้ง ซึ่งน่าจะเป็นภายในเดือนพฤศจิกายน 2561 คือภายใน 150 วัน นั้นเพื่อต้องการให้รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยมีความหมายและศักดิ์สิทธิ์ ทั้งเพื่อให้เกิดบรรยากาศประชาธิปไตยกับอย่างน้อยภาวะทางเศรษฐกิจของประเทศและประชาชนจะกระเตื้องขึ้นมาบ้าง ย่อมเป็นไปได้
น้ำในกาเริ่มเดือด หากผู้มีหน้าที่ต้มน้ำรู้จักผ่อนให้น้ำในกาเดือดช้าลงด้วยการค่อยๆ แง้มฝากา ปล่อยไอแห่งความร้อนนั้นระบายออกไปบ้าง น่าเชื่อได้ว่าน้ำในกาที่เริ่มเดือดนั้น จะผ่อนคลายความร้อนลงไปบ้าง
การผ่อนคลายความร้อนของน้ำในกาด้วยการแง้มฝากา น่าจะดีกว่าปล่อยให้ไอน้ำเดือดนั้นพวยพุ่งขึ้นดันฝากาให้เปิดเอง หรือฝากาแน่นเกินกว่าจะรับแรงดันไอร้อนนั้น ในที่สุดฝากาจะระเบิดก่อให้เกิดอันตรายได้
หรือมิฉะนั้น หากปล่อยให้น้ำในกาเริ่มเหือดแห้งพร้อมกับไฟในเตาดับมอด “ประชาธิปไตย” ที่หวังให้เกิด อาจ “ประชาธิปตาย” ในที่สุด จะเอาอย่างนั้นหรือ ???
