| ผู้เขียน | สถานีคิดเลขที่ 12 |
|---|
การลาออกโดย “ฉับพลัน” ของพลเอกศิริชัย ดิษฐกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน
นำไปสู่กระแสข่าวการปรับคณะรัฐมนตรี
ซึ่งคงต้องรอการตัดสินใจของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะเอาอย่างไร
ปรับเล็ก หรือปรับใหญ่
และระหว่างรัฐมนตรีสายทหาร และรัฐมนตรีสายพลเรือน ใครจะเพิ่ม จะลด
ตอนนี้แม้กระแสไปในทาง “ปรับใหญ่” และรัฐมนตรีสายทหารจะ “ลดลง”
แต่จริงหรือไม่ คงต้องฟังหู ไว้หู
เพราะข้อมูลด้านหนึ่งที่นำเสนอใน “มติชนสุดสัปดาห์” ฉบับล่าสุด 3-9 พฤศจิกายน 2560 นั้น
ระบุว่า ก่อนเหตุไม่คาดฝันเรื่อง พล.อ.ศิริชัย
ในส่วนของฝ่ายทหาร หรือฝ่ายความมั่นคง ที่นำโดย “พี่ใหญ่” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ดูจะพอใจกับการดูแลสถานการณ์ในช่วงพระราชพิธีที่ผ่านไปด้วยความเรียบร้อย
จึงยืนยันที่จะไม่ปรับ ครม.ด้านความมั่นคง
แม้แต่ พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร ที่ถูกเขย่าด้วยวิกฤต “อุทยานราชภักดิ์” มาตลอด ก็ได้รับการการันตีว่า “มั่นคง” ได้ทำงานต่อไป
ยิ่งไปกว่านั้น ก่อนหน้านี้ดูเหมือน พล.อ.ประวิตรจะเคยให้ความหวังกับนายทหารที่พ้นจากราชการ
ไม่ว่า พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล อดีตปลัดกลาโหม
พล.อ.สุรพงษ์ สุวรรณอัตถ์ อดีต ผบ.ทหารสูงสุด
พล.ร.อ.ณะ อารีนิจ อดีต ผบ.ทร.
ควรจะได้โบนัส ด้วยตำแหน่งทางการเมือง
ดังนั้น หาก พล.อ.ประยุทธ์ปรับคณะรัฐมนตรี โควต้า “ทหาร” ควรจะ “เพิ่ม” ไม่ใช่ “ลด”
นี่เป็น “แนวคิด” ที่อยู่ในฟากฝ่ายความมั่นคง และคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) มาตลอด
และ พล.อ.ประยุทธ์ก็ฟัง และรับทราบความต้องการของ “พี่-เพื่อน-น้อง” ด้วยเช่นกัน
ถึงได้บอก กระแสข่าวที่ว่าจะลดเก้าอี้รัฐมนตรีสายทหารลงนั้น ควรฟังหูไว้หูก่อน
เพราะว่าไป กรณี พล.อ.ศิริชัยนั้น “เพื่อนและน้อง” ทั้งในและนอกกองทัพ จับตา พล.อ.ประยุทธ์อยู่ตามสมควร
เนื่องจาก พล.อ.ประยุทธ์ถูกมองว่า “หัก” พล.อ.ศิริชัยมาตลอด
ตั้งแต่การตั้งปลัดกระทรวงแรงงานก่อนหน้านี้
พล.อ.ศิริชัยชูคนในคือ นายวรานนท์ ปีติวรรณ อธิบดีกรมการจัดหางาน ที่ถูก ม.44 เด้งไปเป็นรองปลัดกระทรวงแรงงานนี่แหละ
แต่ก็ “เสียหน้า” อย่างแรง เมื่อนายจรินทร์ จักกะพาก อธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น ถูกโยกข้ามห้วยมานั่งปลัดกระทรวงแรงงานแทน
ชัดเจนว่า พล.อ.ประยุทธ์ไม่ได้อยู่ข้าง พล.อ.ศิริชัย
ทำให้เกิดช่องว่างมหึมา ระหว่างรัฐมนตรี กับปลัดกระทรวง
งานไม่เดิน โดยเฉพาะการพิสูจน์ตัวบุคคลของแรงงานต่างด้าว ซึ่งเป็นเรื่องเร่งด่วน
แต่ พล.อ.ประยุทธ์ก็ไม่ได้แตะที่ตัว พล.อ.ศิริชัย ให้หวยไปออกที่นายวรานนท์ ปีติวรรณ แทน
กระนั้นก็ไม่อาจลดผลสะเทือนที่นำไปสู่การแตกหักของ พล.อ.ศิริชัย ที่ยกทีมลาออกอย่างที่ พล.อ.ประยุทธ์เองก็คงคาดไม่ถึง
แน่นอน พี่-เพื่อน-น้องในกองทัพ ก็คงไม่สบายใจเท่าไหร่กับสิ่งที่เกิดขึ้น
เพื่อลดความ “ห่างเหิน” และ “เป็นอื่น” ก็เป็นไปได้ที่ พล.อ.ประยุทธ์ จะดึงเอา “ทหาร” มาแทน พล.อ.ศิริชัย
และหากจำเป็นต้องปรับเก้าอี้อื่นด้วย โควต้าทหารก็ไม่น่าจะลดไปกว่านี้ หรือเผลออาจจะเพิ่มขึ้น เพื่อแสดงความเป็นหนึ่งเดียวกันในห้วงท้ายๆ ของรัฐบาล
แต่ก็นั่นแหละ การเมืองคือความไม่แน่นอน อะไรก็เกิดขึ้นได้ โดยเฉพาะปัญหาที่อาจปลายบานจากกรณีนี้
อย่างตอนนี้มีการพูดถึงเรื่องการซื้อเครื่องสแกนม่านดวงตา แรงงานต่างด้าวที่กระทรวงแรงงานไม่เออออกับ “อีกฝ่าย”
อาจถูกขยายผลเป็นประเด็นใหญ่ทางการเมือง ที่แม้จะมีอำนาจมากแค่ไหนก็ช่วยไม่ได้
จนต้องดิ้นรน “ปรับใหญ่” หากหวังที่จะอยู่นานๆ
………………….
สุวพงศ์ จั่นฝังเพ็ชร
