ทิศทาง ‘ครม.’ สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ จะคือ ‘คำตอบ’

เวลาเพียง 1 สัปดาห์ จากวันที่ 1 พฤศจิกายน ที่ พล.อ.ศิริชัย ดิษฐกุล ยื่นใบลาออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน

อาจ “เร็ว” เกินไปที่จะได้ “คำตอบ”

คำตอบที่ว่า ตกลงจะปรับเฉพาะตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน หรือว่าปรับตำแหน่งอื่นในลักษณะอันเรียกว่า “ปรับใหญ่”

ใหญ่เหมือนการปรับเมื่อเดือนสิงหาคม 2558

Advertisement

กระนั้น หากทอดเวลาเนิ่นยาวไปเป็นสัปดาห์ที่ 2 ไม่ว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะแถลงหรือไม่อย่างไร เวลานั่นแหละจะเป็นเครื่องบ่งบอก

บ่งบอกว่าน่าจะเป็นเรื่องใหญ่ ยักษ์

เพราะลำพังเพียงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานไม่น่าจะมีความสลับซับซ้อน แต่เมื่อทบทวนแล้ว “สัญญาณ” เริ่มเด่นชัดว่าน่าจะทำอย่างชนิด “ทิ้งทวน”

Advertisement

สัญญาณจากกระบวนการปรับ ครม.จึงทรงความหมาย

ความจริง ความหมายที่ทุกคนคาดกันอยู่ในขณะนี้ก็มิได้เป็น “ความลับ” แต่อย่างใด เพราะสามารถอ่านออกตั้งแต่ปรากฏใน 2 หลักกิโลเมตรแล้ว

1 คือรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว พ.ศ.2557

หากใครศึกษาอย่างละเอียดก็จะประจักษ์ว่า บทเพลงที่ว่า “เราจะทำตามสัญญา ขอเวลาอีกไม่นาน” นั้น จะดำเนินไปในแบบที่รู้กันว่า

“ลับ ลวง พราง”

ขณะเดียวกัน 1 เมื่อศึกษากระบวนการยกร่างรัฐธรรมนูญจากที่ร่างรัฐธรรมนูญฉบับ นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ ถูกคว่ำโดย สปช.ในเดือนกันยายน 2558 กระทั่งมาถึงมือของคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญที่มี นายมีชัย ฤชุพันธุ์ นั่งหัวโต๊ะ

การประกาศและบังคับใช้รัฐธรรมนูญ พ.ศ.2560 ในวันที่ 6 เมษายน นับว่าแจ่มชัดไม่มีการปิดบังอำพรางเจตนา

เราจะทำตาม “สัญญา” ขอ “เวลา” อีกไม่นาน

การปรับ ครม.จึงจะสะท้อนกระบวนการทางความคิด ยุทธศาสตร์ทางการเมืองของรัฐประหารเมื่อเดือนพฤษภาคม 2557 ว่าเปี่ยมด้วยความมั่นใจเพียงใด

อ่านจากเสียงของ “โหร” ยังไม่เพียงพอ

จำเป็นต้องสัมผัสรูปธรรมในการจัดวางตัวบุคคล ว่ายังให้น้ำหนักอยู่ที่ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ มากน้อยเพียงใด

หากเป็นเช่นนี้ก็พอจะมองได้ว่า “หัวใจ” สำคัญ จะดำเนินไปอย่างไร

เพราะเท่ากับเป็นการยอมรับว่า การบริหารจัดการโครงสร้างทางเศรษฐกิจจากฝีมือ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ และคณะ คือความมั่นใจ

เป็นความมั่นใจไม่เพียงเอาชนะ 1 พรรคประชาธิปัตย์

หากที่สำคัญเป็นอย่างมาก 1 คือ การเอาชนะเกียรติภูมิและความสำเร็จพื้นฐานของพรรคไทยรักไทยอย่างสิ้นเชิง

นี่คือกลยุทธ์ “ยืมหอกสนองคืน”

การจัดวางน้ำหนักของ คสช.จะปรากฏเป็นรูปธรรมผ่านกระบวนการปรับ ครม.ครั้งใหม่คือคำตอบทั้งหมดของ คสช.

จากนี้ จึงเห็นได้ว่า การโขยกเขย่าอันมาจากพรรคประชาธิปัตย์ประสานเข้ากับพรรคเพื่อไทย แทบไม่มีความหมายอะไรเลยสำหรับ คสช.

เพราะ คสช.ประเมิน “พรรคการเมือง” ต่ำอยู่แล้ว

เพราะ คสช.ประเมินว่า หากประสาน “ความมั่นคง” อันเป็นจุดแข็งของตนเข้ากับ “เศรษฐกิจ” ในทิศทางของ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ย่อมรบที่ไหน ชนะที่นั่น

เหมือนชัยชนะของพรรคไทยรักไทยที่ได้มาในอดีต

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image