ที่มา | หนังสือพิมพ์มติชนรายวัน |
---|---|
ผู้เขียน | เหยี่ยวถลาลม |
น่าสนใจ เมื่อ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) เปิดเผยว่า หน่วยงานต้นสังกัดส่งรายชื่อผู้มีอิทธิพลมาให้แล้วพบว่ามีตำรวจอยู่ด้วยกว่า 200 นาย
มีถึงระดับ “นายพล”
ทั้งยังรับราชการอยู่
ผบ.ตร.จะประสานให้สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ตรวจสอบเส้นทางการเงิน เพื่ออายัดทรัพย์ ดำเนินคดีตามกฎหมายอาญาและวินัย
กล่าวตามสำนวนอดีต อ.ตร.เผ่า ศรียานนท์
ภายใต้ดวงอาทิตย์นี้ ไม่มีอะไรที่ตำรวจไทยทำไม่ได้ !
ทั้งดี เลว ถูก ผิด ชอบ ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ทำได้ทั้งน่ารัก น่าชัง น่ารังเกียจ ทั้งหมดนั้นล้วนเกิดจากความทะนงใน “อำนาจ” จนหลง เห็นผิดเป็นชอบ แล้วประพฤติต่อเนื่องสืบสานกลายเป็นวัฒนธรรมของคนในองค์กรที่เลียนแบบต่อๆ กันมา รุ่นน้องตามรุ่นพี่ รุ่นพี่ตามรุ่นน้าอา ก้าวตามรอยรุ่นพ่อ รุ่นใหญ่ที่ทยอยลาจากวงการไป
กล่าวตามจริง สำหรับประเทศไทยซึ่งมีระบบความคิดแบบ “นิยมอำนาจ” นั้น มีเพียง 2 อาชีพที่สามารถเป็นใหญ่ได้ นั่นคือ ทหารกับตำรวจ
ถึงจะมีนักการเมืองท้องถิ่น นักการเมืองระดับชาติร่วมวงไพบูลย์ในอำนาจอยู่ด้วย แต่เอาเข้าจริงๆ “สนาม” ซึ่งรวมถึง พื้นที่ เวลา และโอกาส ที่จะเชิดหน้าสำแดงอิทธิพลก็มีอยู่อย่างจำกัด
ต้องไม่ลืมว่า ประเทศไทยมีการปฏิวัติรัฐประหาร เฉลี่ยทุกๆ 6 ปีครึ่ง ต่อ 1 ครั้ง !
อาชีพทหารเกี่ยวข้องกับการยึด และมีอำนาจรัฐ
อาชีพตำรวจมีกฎหมายในมือ และเป็นผู้บังคับใช้กับผู้คน
2 อาชีพนี้จึงเป็นกลุ่มซึ่งมีศักยภาพสูงสุดอย่างแท้จริงในการสร้างสมอิทธิพล
น่าแปลกก็ตรงที่ ภายหลังการปฏิวัติรัฐประหารมักจะมีการปราบปรามผู้มีอิทธิพลทุกครั้ง แต่ประเทศไทยก็ยังไม่เคยสว่างและสะอาด
กลุ่มผู้มีอิทธิพลแท้จริงยังคงเป็นบุคคลที่มาจากอาชีพ “ทหาร” กับ “ตำรวจ”
สำหรับครั้งนี้ ขอขอบคุณล่วงหน้า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ที่ยืนยันว่า “จะตั้งใจทำให้ดีที่สุด ขอให้มั่นใจ และไม่ต้องเป็นห่วง”
ต้องรอดูกันต่อไป !?!!