พูดเองเออเอง โดย ชุมฉันท์ ชำนิประศาสน์

เพื่อจะให้เข้าใจแนวคิดของทหารที่พยายามมีบทบาททางการเมืองลึกซึ้งขึ้น การศึกษาจากทหารพม่าอาจเป็นตัวอย่างได้ดี เพราะว่าทรงอิทธิพลในประเทศสูงมาก

ขนาดนายเร็กซ์ ทิลเลอร์สัน รมว.ต่างประเทศสหรัฐอเมริกา มาเยือนพม่ากลางสัปดาห์นี้นอกจากพบนางออง ซาน ซูจี แล้วต้องเจอ ผบ.สส.เมียนมาด้วย

จังหวะนัดหมายนี้ใกล้เคียงกับที่กองทัพพม่าเพิ่งเผยแพร่ผลสอบสวนกรณีวิกฤตโรฮีนจา ซึ่งไม่น่าแปลกใจใดๆ แต่ก็อดตะลึงไม่ได้ที่ตัวเหตุการณ์กับผลสอบไปกันคนละทิศทาง เหมือนดูหนังคนละม้วน

วิกฤตโรฮีนจาของปีนี้ปะทุขึ้นตั้งแต่วันที่ 25 ส.ค. จากเหตุกลุ่มติดอาวุธบุกโจมตีทหารและตำรวจในพื้นที่รัฐยะไข่ จึงเป็นเหตุให้ทางการต้องตอบโต้และเข้าควบคุมกองกำลังติดอาวุธ และกลายเป็นว่าพลเรือนโรฮีนจาถูกขับไล่ต้องหนีภัยออกจากประเทศไปยังบังกลาเทศ ชาติเพื่อนบ้านแล้วกว่า 6 แสนคน

Advertisement

รายงานของกองทัพสรุปความเคลื่อนไหวทั้งหมดนั้น ทหารและบุคลากรของกองทัพไม่ได้ทำอะไรผิดเลย ชาวบ้านในพื้นที่ทุกคนเห็นตรงกันว่า ทหารไม่ได้ยิงชาวบ้านผู้บริสุทธิ์ ไม่ได้ใช้ความรุนแรงทางเพศ หรือข่มขืนสตรี ไม่ได้จับกุม ซ้อม หรือสังหารชาวบ้าน ไม่ได้ขโมยทรัพย์สินเงินทอง สัตว์เลี้ยงจากชาวบ้าน ไม่ได้จุดไฟเผามัสยิด ไม่ได้ข่มขู่ รังแก ขับไล่ชาวบ้าน ไม่ได้เผาบ้านเรือน

ชาวบ้านต่างพูดตรงกันว่าเป็นฝีมือผู้ก่อการร้ายจากชุมชนในโรฮิงยา ซึ่งพม่าใช้คำเรียกว่า เบงกาลี จนผู้คนนับแสนต้องอพยพหนีออกไปด้วยความกลัว

ผลสอบสวนนี้น่าจะทำให้หลายคนอึ้งหรือหงายหลัง

โดยเฉพาะข้อความที่ระบุว่า ชาวบ้านที่ให้ข้อมูลสอบสวนต่างเห็นตรงกันทั้งหมด อย่างกับทหารทั้งกองทัพเชื่อฟังคำสั่งผู้บังคับบัญชาเป๊ะๆ

กองกำลังติดอาวุธที่ทางการเรียกว่าผู้ก่อการร้ายมีกำลังอยู่แค่หยิบมือ แต่กลับแสดงแสนยานุภาพไล่คนออกจากประเทศได้เป็นแสนๆ (อ้าวแล้วตำรวจทหารไปไหนหมด ปล่อยให้คนทะลักออกนอกประเทศเป็นพันเป็นหมื่นคนทุกวัน กินเวลายาวนานเป็นเดือน)

ตกลงว่าผู้ก่อการร้ายในรัฐยะไข่เก่งกาจสามารถขนาดนั้นเชียวหรือ แล้วคำให้สัมภาษณ์ของผู้อพยพอยู่ในบังกลาเทศที่ต่างก็บอกว่า ถูกเจ้าหน้าที่รัฐและชาวบ้านนับถือพุทธรังแกจนอยู่ไม่ได้นั้น โกหกกันทุกคนหรือไม่

ภาพที่นักข่าวฝรั่งเข้าไปบันทึกในเขตหม่องดอว์ ขณะบ้านเรือนชาวโรฮิงยาถูกเผา ทั้งๆ ที่ชาวบ้านอพยพออกไปแล้ว อีกทั้งพื้นที่นั้นมีทหารคุ้มกันอยู่ กลับไม่ระบุถึงในรายงานสอบสวนของกองทัพ

หม่องดอว์เคยมีประชากรโรฮีนจาอยู่ราว 1.1 ล้านคน ตอนนี้กลุ่มบรรเทาทุกข์เชื่อว่าเหลืออยู่ 150,000 คน นาข้าวถูกทิ้งไว้ จนพม่าแถลงว่าจะไปหาแรงงานมาเก็บเกี่ยวเอง

องค์การแอมเนสตี อินเตอร์เนชันแนล ออกแถลงการณ์ว่า ไม่เชื่อถือผลสอบดังกล่าว และมองว่ากองทัพพม่าพยายามจะล้างมลทินตัวเอง ซึ่งถ้าต้องการล้างให้ได้จริงๆ ต้องเชิญสหประชาชาติเข้าไปร่วมสอบด้วย

แต่ดูแนวแล้ว ผู้นำกองทัพคงไม่คิดอย่างนั้นแน่นอน

…………….

ชุมฉันท์ ชำนิประศาสน์

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image