ปม ปรับ “ครม.” ปัจจัย ภายใน “นอก” กับ แรงสะเทือน

แม้ คสช.และรัฐบาลพยายามจะ “ปราม” และ “ห้าม” ความโลดโผน โจนทะยานของกระแสข่าวการปรับ ครม.อย่างเข้มงวด จริงจัง สักเพียงใด

แต่ก็ “ยาก” และถึงระดับ “ยากส์”

มิใช่เพราะว่า “ผู้คน” และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง “สื่อ” ไม่เกรงกลัวต่ออำนาจอันยิ่งใหญ่และยรรยงของ คสช.และรัฐบาล

หากแต่ “สื่อ” ก็เหมือนกับ “คนนอก”

Advertisement

ปัญหาอันเกี่ยวและสืบเนื่องจากการปรับ ครม.มิได้เป็นเรื่องของ “คนนอก” หากแต่เป็นเรื่องของ “คนใน” เป็นเรื่องภายใน คสช.และภายในรัฐบาลเอง

ที่ปรากฏผ่าน “สื่อ” ก็เท่ากับเป็น “เงาสะท้อน”

อย่าลืมบทสรุปจากโคลงโลกนิติอันเป็นของโบราณที่ว่า “ห้ามเพลิงไว้อย่าให้มีควัน ห้ามสุริยะแสงจันทร์ ส่องหล้า” เป็นอันขาด

Advertisement

ตรงนี้ต้องทำความเข้าใจ

ถามว่าการปรับ ครม.มีสาเหตุมาจากอะไร คำตอบก็ย่อมเป็นที่รู้กันตั้งแต่เมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายนมาแล้ว ว่า คือ การยื่นใบลาออกของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน

นี่เป็น “ปม” ภายในของ “ครม.”

หากถามต่อไปว่าสาเหตุอันใดทำให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานทนอยู่ไม่ได้ จำเป็นต้องยื่นใบลาออกจากตำแหน่ง

คำตอบจากรัฐบาลระบุเป็น “เรื่องส่วนตัว”

แต่ความเป็นจริงที่รับรู้กันในและนอกกระทรวงแรงงานก็คือ การที่หัวหน้า คสช.ใช้คำสั่งตามมาตรา 44 ย้ายอธิบดีกรมการจัดหางาน

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานจึงรับมาตรการนี้ไม่ได้

หากสำรวจ ตรวจสอบ รากฐานที่มาและวิถีดำเนินไปตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน เป็นต้นมา ก็จะเห็นได้อย่างเด่นชัดว่า กองไฟอันก่อให้เกิดควันเกี่ยวกับการปรับ ครม.มาจากไหน

มาจาก 1 คสช. มาจาก 1 รัฐบาล

ขณะเดียวกัน เมื่อรัฐบาลตัดสินใจปรับ ครม.แน่ๆ และยืดเยื้อจากวันที่ 1 กระทั่งมาถึงวันที่ 21 พฤศจิกายน เป็นเวลามากกว่า 3 สัปดาห์

ก็ยิ่งเห็นชัดว่า “ปัญหา” มาจากที่ใด

คำตอบของคำถามนี้มิได้สัมผัสได้เพียงจากคำพูดของ “ฤาษีเกวาลัน” อันเป็นหน่วยปฏิบัติการด้านการข่าวของ คสช.และของรัฐบาลที่ยืนยันจากเชียงใหม่ว่า

“จะมีการปรับมากกว่า 10”

หากมาจากความยาวนานในการพิจารณาทำให้ลงความเห็นได้อย่างเด่นชัดว่า น่าจะเป็นการปรับใหญ่ มิได้เป็นการปรับเล็กเฉพาะกระทรวงแรงงาน

แล้วหวยก็ชี้ไป 2 แนวทาง

1 แนวทางปรับเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพรัฐมนตรีในกระทรวงเศรษฐกิจ และ 1 ปรับเพื่อลดสัดส่วนของทหารลง เอานักบริหารมืออาชีพเข้าไปเสริม

ตรงนี้แหละที่ทำให้สีสันเริ่มบรรเจิด เพริศแพร้ว

แต่ทั้งหลายทั้งปวงก็บรรเจิด เพริศแพร้ว มาจากปัจจัย “ภายใน” ของ คสช.ประสานเข้ากับ “ภายใน” ของรัฐบาลเป็นสำคัญ

ไม่ว่าเกจิของรัฐบาลอันมาจาก “การเลือกตั้ง” ไม่ว่าเกจิของรัฐบาลอันมาจาก “การรัฐประหาร” ล้วนมีบทสรุปร่วมตรงกัน นั่นก็คือ ไม่อยากปรับ ครม.

เพราะรู้อยู่ว่ายากยิ่งที่จะไม่เกิดปัญหา

ไม่ว่าคนถูกปรับออกจากตำแหน่ง ไม่ว่าคนที่ได้รับการแต่งตั้งเข้ามา ล้วนแล้วแต่ตกอยู่ภายในวงจรแห่งแรงเสียดทานทั้งสิ้น

โดย “ภายนอก” เป็นเพียงส่วนเสริม แต่ที่ชี้ขาดคือ “ภายใน”

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image