ครม.ประยุทธ์ ชู ‘ประชารัฐ’ สูงเด่น โค่น ประชานิยม

การปรับ ครม. “ประยุทธ์ 5” สะท้อนทิศทางของ คสช.และรัฐบาลแจ่มชัดมากยิ่งขึ้นว่ากุมยุทธวิธีอะไรในการไปบรรลุยุทธศาสตร์ทางการเมือง

1 เป็นการชูทิศทางแห่ง “ประชารัฐ”

ขณะเดียวกัน 1 ซึ่งสำคัญเป็นอย่างมากก็คือ การถอยในทางยุทธศาสตร์ของทหารอันเป็นแกนหลักแห่ง คสช.

ความจริง ทหาร “ถอย” มาแล้วอย่างเป็นระบบ

Advertisement

อย่างเช่นการถอน พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร จากกระทรวงการต่างประเทศ การถอน พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง จากกระทรวงคมนาคม การถอน พล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย จากกระทรวงศึกษาธิการ

ไปอยู่ในตำแหน่ง “รองนายกรัฐมนตรี”

และเมื่อถึงเวลา พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร กับ พล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย ก็พ้นจาก ครม. โดยมี พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ มานั่งรอในกระสวนเดียวกัน

Advertisement

เป็นการถอยมาคุมเกมอยู่ข้างหลัง

จากกระบวนการปรับ ครม.แบบสลับเก้าอี้และนำคนใหม่เข้ามาคราวนี้เด่นชัดอย่างยิ่งถึงความเชื่อมั่นและไว้วางใจต่อทิศทางแห่ง “ประชารัฐ”

1 คือ การยกระดับ นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เป็นเจ้ากระทรวง

1 คือ การนำเอา นายกฤษฎา บุญราช จากปลัดกระทรวงมหาดไทย นายลักษณ์ วจนานวัจน์ จาก ธ.ก.ส. และ นายวิวัฒน์ ศัลยกำธร จากผู้เชี่ยวชาญศาสตร์พระราชา สู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน เข้ามากุมกระทรวงเกษตรและสหกรณ์

1 คือ การนำเอา นายศิริ จิระพงษ์พันธ์ จากสถาบันปิโตรเลียมเข้ามาคุมพลังงาน

นี่เท่ากับเป็นการจัดทัพหลวง ทัพหนุน ภายใต้การกำกับของ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ อย่างแข็งแกร่งและมั่นคง

ดำเนินไปตามกลยุทธ์ “ยืมหอกสนองคืน”

นั่นก็คือ เอา “ประชารัฐ” สนองคืนไปยัง “ประชานิยม” นั่นก็คือ เอาคนที่เคยกุมนโยบายของ “ไทยรักไทย” มาเป็นอาวุธและเครื่องมือเอาชนะ

ภายในโครงสร้างการปรับ ครม.เช่นนี้ยืนยันว่าการสืบทอดอำนาจของ คสช. ไม่เพียงแต่จะดับเครื่องชนกับพรรคไทยรักไทยอันเป็นอวตารแห่งพรรคไทยรักไทยเท่านั้น

หากแต่ไม่หวังพึ่งพรรคการเมืองอื่น

ไม่ว่าพรรคประชาธิปัตย์ ไม่ว่าพรรคภูมิใจไทยหรือพรรคชาติไทยเพื่อแผ่นดิน ที่อ้าขาผวาปีกเข้ารับใช้ เว้นก็แต่บางส่วนในพรรคมัชฌิมาธิปไตยที่เคยแนบแน่น

คสช.ต้องการวาง “ทิศทาง” ของตน

นั่นก็คือ ทิศทางแห่งระบอบประชาธิปไตยอันมีเอกลักษณ์ไทยในแบบของ คสช. นั่นก็คือ ทิศทางระบบเศรษฐกิจจากการต่อยอดความสำเร็จจาก นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ และคณะ

เพื่อยืนยันว่าเป็นรัฐประหารที่ไม่ “เสียของ”

หากเมื่อใด คสช.มีมติให้ “ปลดล็อก” พรรคการเมือง หมายความว่านั่นคือความพร้อมอย่างเต็มเปี่ยมในการเข้าสู่สนาม “การเลือกตั้ง”

ความพร้อมในที่นี้คือ ความพร้อมที่จะกำชัยเหนือ “เพื่อไทย”

ความพร้อมในที่นี้คือ ความพร้อมที่จะสามารถสยบพรรคการเมืองเก่าทุกพรรคด้วยผลงานและความสำเร็จที่สัมผัสได้ภายในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า

จากเดือนธันวาคมเป็นต้นไป ความคึกคัก หนักแน่น จริงจัง จะเริ่มต้นจาก คสช.และรัฐบาลด้วยกำลังจากการจัดแถว “ประยุทธ์ 5”

ความเข้มในทางการเมืองจะทวีคูณ

ขณะเดียวกัน การขยับขับเคลื่อนจากนักการเมืองและพรรคการเมืองก็จะตามมาไม่ว่าจะปลดล็อกหรือไม่ปลดล็อกจากคำสั่งหัวหน้า คสช.ก็ตาม

นี่คือวิถี เป็นวิถีแห่งการต่อสู้ทางการเมือง

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image