นั่งดูหนัง 2 เรื่อง โดย สุริวงค์ เอื้อปฏิภาน

แฟ้มภาพ

เหตุการณ์ที่เกิดกับผู้ชุมนุมต่อต้านโรงไฟฟ้าถ่านหินเทพา กำลังเป็นปัญหาที่ทำให้รัฐบาล คสช.ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก แม้ว่าจะเป็นยุครัฐบาลทหารและอยู่ในช่วงเน้นความมั่นคงมากกว่าสิทธิเสรีภาพก็ตาม แต่เพราะคณะรัฐมนตรีเพิ่งมีมติให้ใช้หลักสิทธิมนุษยชนเป็นวาระแห่งชาติไปเมื่อไม่นานมานี้

ประกาศใช้ไปไม่นาน ก็ดันมาเกิดเรื่องปะทะกับม็อบและจับกุมแกนนำดำเนินคดี

จึงเป็นปรากฏการณ์ที่ขัดแย้งกันมากๆ

แถมเรื่องที่เกิดขึ้นนี้ เกิดกับมวลชนในภาคใต้ ซึ่งเป็นฐานกำลังหลักของม็อบนกหวีด ที่เชื่อมโยงกับเหตุการณ์รัฐประหาร ทำให้มีรัฐบาล คสช.ปกครองบ้านเมืองมา 3-4 ปีเข้าไปแล้ว

Advertisement

เลยยิ่งทำให้เป็นคำถามในหมู่นักคิดทางสังคมและการเมืองว่า การร่วมสนับสนุนให้ใช้ระบบเผด็จการมาจัดการแก้ปัญหาระบบนักการเมืองที่ชั่วร้ายโกงกินนั้น

มันถูกทางจริงหรือ

แน่นอนว่า ในยุครัฐบาลประชาธิปไตย ก็มีเหตุเจ้าหน้าที่ปะทะกับม็อบแบบนี้อยู่บ่อยๆ ไม่ได้ต่างกับเหตุม็อบเทพาล่าสุด

Advertisement

แต่ยุคที่มีการเลือกตั้งนั้น ประชาชนมีสิทธิร่วมตัดสินใจทางการเมืองผ่านการเลือกตั้ง ย่อมมีโอกาสที่จะค่อยๆ พัฒนาการเมืองและผลักดันการเติบโตทางความคิดในหมู่ประชาชนไปได้เรื่อยๆ และมีโอกาสจะพิพากษานักการเมืองที่ไม่รับฟังเสียงของชาวบ้านได้

คงไม่รวดเร็วนัก แต่จะมีอนาคตและมีความยั่งยืนกว่า

แต่ในยุครัฐบาลรัฐประหาร อำนาจอยู่ในมือของคณะผู้ปกครองเท่านั้น กรณีม็อบเทพาจึงเป็นรูปธรรมว่า รัฐบาลแบบนี้ยิ่งไม่รับฟังเสียงของประชาชน

เพราะเป็นรัฐบาลที่ถือว่า ตนเองเข้ามาจัดการปัญหา ด้วยความเข้มแข็งเด็ดขาด ไม่มีหน้าที่ต้องเอาอกเอาใจใคร

คงเป็นประเด็นที่ทำให้ผู้คนในสังคมได้ถกเถียงทบทวนกัน

ในประเด็นเสียงของประชาชน เสียงของชุมชนนี้เอง ทำให้ต้องนึกถึงภาพยนตร์สารคดีที่ฉายในโรงใหญ่เมื่อ 2 ปีก่อน ว่าด้วย “ไรจ์คส์มิวเซียม” พิพิธภัณฑ์แห่งชาติ ในกรุงอัมสเตอร์ดัม เนเธอร์แลนด์

ถนนสายท่องเที่ยวทั่วโลกล้วนมุ่งหน้ามาที่พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ เนื่องจากมีภาพวาดของจิตรกรคนดังๆ เอาไว้จำนวนมาก งานศิลปหัตถกรรม วัตถุทางประวัติศาสตร์จากยุคทองของเนเธอร์แลนด์ มีนับล้านชิ้น

ประเด็นที่เป็นเรื่องจนกลายเป็นหนัง มาจากโครงการบูรณะครั้งใหญ่เมื่อปี 2003 ด้วยงบประมาณถึง 375 ล้านยูโร เพื่อให้เป็นพิพิธภัณฑ์ด้านศิลปะยิ่งใหญ่อลังการ เพื่อประกาศความเป็นชาติที่รุ่มรวยด้านศิลปะวัฒนธรรม

แต่โครงการ 5 ปี ต้องกลายเป็น 10 ปี เพราะติดขัดที่เสียงทักท้วงของสหภาพจักรยาน เนื่องจากการปรับผังทางเข้าด้านหน้าพิพิธภัณฑ์ ซึ่งกระทบเส้นทางของชาวจักรยาน

แค่ประเด็นนี้แหละ ถึงอย่างไรก็ต้องรับฟัง จนสร้างความปวดหัวหงุดหงิดให้กับผู้ทำหน้าที่บูรณะอาคาร

“เรากำลังรักษาสถานะในวงการศิลปะให้เมืองนี้แท้ๆ ทุ่มเทงบประมาณนับร้อยล้าน แต่ชาวดัตช์สนใจแค่ว่าเลนจักรยานจะอยู่ซ้ายหรือขวา”

แต่ถึงที่สุดเสียงของคนขี่จักรยานก็มีพลัง ให้ต้องรับฟัง พร้อมกับต้องตั้งคำถามถึงเสียงของชาวเทพา

จบจากหนัง The New Rijksmuseum ก็ต้องเปิดดูหนัง FARGO ต่ออีกเรื่อง

ต้องนึกถึงทันที กับคดีครูจอมทรัพย์ ที่ตอนนี้ตำรวจกำลังสาวจับคนที่เกี่ยวข้องกับการสร้างฉากครูแพะ และขบวนการรับจ้างติดคุก โดนดำเนินคดีกันระนาว

เป็นหนังอาชญากรรมผสมกับตลกร้าย ทำธุรกิจของพ่อตาเจ๊ง เลยจ้างโจรวางแผนจับเมียไปเรียกค่าไถ่ หวังจะได้เงินก้อนโตมาแก้ปัญหา

จากเรื่องไม่เป็นเรื่อง แต่ไปคิดวางแผนที่เชื่อว่าแยบยลสุดยอด ก็เลยบานปลายไปกันใหญ่

…………………

สุริวงค์ เอื้อปฏิภาน

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image