ประเด็นสำคัญการเมือง โดย สุชาติ ศรีสุวรรณ

แฟ้มภาพ

 

หลังรับประทานอาหารกับ นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ แม้ นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรีจะบอกกับผู้สื่อข่าวว่า ไม่ได้หารืออะไรเป็นพิเศษ เป็นเพียงการรับประทานอาหารกันตามปกติ

แต่นายวิษณุได้ชี้ให้เห็นว่า ข้อเสนอของแม่น้ำ 4 สายเรื่องร่างรัฐธรรมนูญนั้น

4 หน้าแรกมีความสำคัญกว่า 2 หน้าสุดท้าย เพราะอธิบายเหตุผลว่าสิ่งใดเกิดขึ้น

Advertisement

ถึงได้เสนอสิ่งเหล่านี้ให้คณะกรรมการร่างฯพิจารณา

“ถ้าใครได้อ่านก็น่าจะเดาสถานการณ์บ้านเมืองในอนาคตและทำให้มองเห็นร่างรัฐธรรมนูญทะลุ 200 มาตราเลย” คือข้อสรุปของรองนายกรัฐมนตรีผู้เป็นหลักในด้านกฎหมายของรัฐบาล

ฟังแล้วหากวกกลับมาดู “ข้อเสนอแนวทางปรับปรุงบทเฉพาะกาลในร่างรัฐธรรมนูญ” ที่ลงนามโดย พล.อ.ธีรชัย นาควานิช ในฐานะเลขาธิการ คสช. ที่ระบุว่าเป็นข้อสรุปของแม่น้ำ 4 สาย

Advertisement

เนื้อหาหลักๆ ใน 4 หน้าแรกของหนังสือฉบับนี้ที่นายวิษณุบอกว่าสำคัญก็คือ มีความเชื่อว่าการเมืองหลังการเลือกตั้งจะยังมีความวุ่นวาย เนื่องจาก คสช.ได้ดำเนินการในเรื่องที่ส่งผลกระทบต่อบุคคลบางหมู่เหล่า

“โดยอาศัยวิถีและกลไกประชาธิปไตยว่ามาจากการเลือกตั้งเป็นข้ออ้างจึงใช้เสียงข้างมากในรัฐสภามุ่งเอาชนะคะคานจนเกิดความเปลี่ยนแปลงความขัดแย้งรุนแรง และความไม่ปกติสุขดังที่เคยเกิดขึ้นมาแล้วและหวนกลับคืนมาใหม่จนเข้าวงจรเดิม” หนังสือฉบับนี้ระบุ และว่าคณะรักษาความสงบแห่งชาติได้ติดตามรับฟังความเห็นดังกล่าวและข้อแนะนำจากวงการและภาคส่วนต่างๆ ทั้งในทางเศรษฐกิจ การเมือง และประชาชนอย่างหลากหลายตลอดมา เมื่อพิจารณาถึงสถานการณ์แล้ว สิ่งที่วิตกกังวลมีแนวโน้มว่าจะเป็นไปได้สูงโดยพิจารณาจากความเคลื่อนไหวและความพยายามของบุคคลบางหมู่เหล่าที่วางแผนเคลื่อนออกมาต่อต้าน ปลุกระดมและแทรกซึมอยู่ทั่วไปเพื่อทำลายความชอบธรรมและขัดขวางการดำเนินการต่างๆ ในการคืนความสงบสุขแก่ประชาชนในขณะนี้

นั่นน่าจะเป็นสถานการณ์ที่นายวิษณุเห็นว่าสำคัญ

คล้ายกับว่าไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร ข้อความเช่นนี้ว่าไปแล้วในช่วงหลายปีมานี้ประชาชนไทยได้ยินได้ฟังมาตลอด ความเลวร้ายของนักการเมืองที่ใช้กลไกประชาธิปไตยเข้ามามีอำนาจเพื่อแสวงผลประโยชน์ ทำลายคุณค่าความดีงาม

กลไกประชาธิปไตยที่ไม่มีทางนำการพัฒนามาสู่ประเทศชาติได้ เพราะเอาแต่แก่งแย่งชิงดี แทนที่จะคิดถึงประโยชน์ของประเทศชาติ

ในช่วงที่ผ่านมา “นักการเมือง” ดูเหมือนจะจำนนกับข้อกล่าวหานี้ ไม่มีเสียงตอบโต้ คล้ายกับยอมรับว่านั่นเป็นความจริง

อย่าว่าแต่คนอื่น กระทั่งนักการเมืองด้วยกันเองยังหยิบยกเรื่องเหล่านี้มาชี้หน้าว่าเป็นพฤติกรรมของนักการเมืองพรรคคู่แข่ง

พฤติกรรมของนักการเมืองจากการเลือกตั้งนับวันจะถูกหยิบยกมาชี้ให้เห็นความไม่ดีเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะในช่วงที่มีการเสนอให้มี “นักการเมืองจากการแต่งตั้ง” มาทำหน้าที่แทนในรัฐสภา โดยมีอำนาจอย่างเต็มที่

การชี้ให้เห็นความเลวร้ายของ “นักการเมืองจากการเลือกตั้ง” จึงเกิดขึ้นถี่และเข้มข้นขึ้น

ยิ่งนักการเมืองที่มาจากการเลือกตั้งส่วนใหญ่เลือกที่จะเงียบ เพื่อไม่ให้ต้องเผชิญหน้ากับชะตากรรมที่ไม่ปรารถนาบางอย่าง

ยิ่งเป็นเรื่อง “มันปาก” ของ “นักการเมืองจากการแต่งตั้ง” ที่ถึงวาระต้องโชว์ตัว

ว่าไปแล้ว “นักการเมืองจากการเลือกตั้ง” เป็นเรื่องเดียวกันกับ “อำนาจประชาชน”

ภาพลักษณ์ที่ถูกกระทำให้เลวร้ายของ “นักการเมืองจากการแต่งตั้ง” เป็นภาพลักษณ์ที่ทำให้ “อำนาจประชาชน” ถูกทำให้มองเป็นเช่นนั้นไปด้วย

ประเทศประชาธิปไทย ที่ “ความศรัทธาต่ออำนาจประชาชน” ถูกบ่อนเซาะให้เสื่อมลงเรื่อยๆ โดยที่ “นักการเมืองซึ่งเป็นตัวแทนประชาชน” เอาแต่อยู่นิ่งๆ

เป็นภาพสะท้อนอย่างที่นายวิษณุว่าคือ มองเห็นทั้ง 200 มาตราในร่างรัฐธรรมนูญ ว่าจะเป็นอย่างไร

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image