ผู้เขียน | คอลัมน์หน้า 3 มติชน |
---|
ทําไมการปล่อยของในเรื่อง “พรรคทหาร” จากพรรคประชาธิปัตย์ จึงต้องไปลงที่ชื่อ “ประชารัฐ”
คำตอบ คือ เล่นจริง
ผู้คนมักติดความเคยชินว่า
พรรคประชาธิปัตย์จัดเจนในเรื่อง “กลยุทธ์” เฉพาะหน้า จึงไม่คิดว่าที่ขึงขังต่อ คสช.จะเป็นเรื่องจริงแท้ แน่นอน
หากเสมอเพียง “การตี” เพื่อดึงให้มา “สยบ”
นั่นเนื่องจาก พรรคประชาธิปัตย์อ่านผ่าน 4 คำถามอันตามมาด้วย 6 คำถามอันบ่งหมายความว่า คสช.ไม่ต้องการพึ่งบริการพรรคการเมือง “เก่า”
เรื่องนี้แม้กระทั่ง “พรรคภูมิใจไทย” ก็อ่านออก
ท่าทีของพรรคประชาธิปัตย์ และ พรรคภูมิใจไทย ซึ่งเคยประเมินว่าอย่างไร คสช.ก็ต้องทำแนวร่วมกับตน เพื่อสกัดพรรคเพื่อไทย จึงเริ่มแข็งกร้าว แต่ก็แข็งกร้าวในแบบเรียกร้องความสนใจ
กระนั้น ก็ต้องยอมรับว่าครานี้พรรคประชาธิปัตย์ “เอาจริง”
ที่ว่าพรรคประชาธิปัตย์เอาจริงเพราะว่า 1 พรรคประชาธิปัตย์มองออกว่า คสช.ไม่ได้ต้องการ “เลือกตั้ง”
หากแต่ต้องการทั้ง “ยื้อ” และ “ยืด” เวลาให้ทอดยาว
หากเป็นไปได้ ก็คือ “ไม่” เลือกตั้ง
รูปธรรม 1 คือ การออกโรงของ นายไพบูลย์ นิติตะวัน แห่งเครือข่ายประชาชนเพื่อการปฏิรูปยังไม่เพียงพอ หากแต่ยังผลักดันให้ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ แห่ง กปปส.ออกมาอีก
ยิ่งได้พลังอัดฉีดจาก นายสมศักดิ์ เทพสุทิน ยิ่งชัด
จากปัจจัยเฉพาะหน้า 2 ปัจจัย เมื่อประสานกับการดำรงจุดมุ่งหมายผ่านรัฐธรรมนูญและกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญเรียกร้องการตัดสินใจจากพรรคประชาธิปัตย์
จำเป็นที่จะต้อง “ดับเครื่องชน”
ขณะเดียวกัน ก็จำเป็นที่จะต้องยินยอมเสียสละ “อวัยวะ” คือ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เพื่อรักษาชีวิตของพรรคประชาธิปัตย์เอาไว้
การปล่อยของผ่าน “พรรคประชารัฐ” จึงบังเกิด
ลีลาแบบนี้เป็นลีลาที่พรรคประชาธิปัตย์สะสมความจัดเจนมาตั้งแต่ยุค นายควง อภัยวงศ์ และ ม.ร.ว.ศึกฤทธิ์ ปราโมช เมื่อต่อกรกับปรปักษ์ทางการเมือง
ไม่ว่า “ปรีดี” ไม่ว่า “แปลก” ไม่ว่า “ถนอม”
เหตุนี้เองพรรคเสรีมนังคศิลาจึงกลายเป็น “พรรคตราไก่” เหตุนี้เองพรรคสหประชาไทยจึงกลายเป็น “พรรคสหัปมงคล”
นั่นก็คือ การทำให้ “สามานย์”
เหมือนกับการปล่อยของในเรื่อง “พรรคประชารัฐ” ก็เพื่อโยงให้สัมพันธ์กับ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ซึ่งเอาการเอางานในเรื่องนี้
อาจใช่ แต่มีมากกว่านั้น
ทาง 1 โยง “ประชารัฐ” เข้ากับ “ประชานิยม” เพราะว่า นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ มีบทบาทสูงในห้วงแห่งยุคไทยรักไทย
ขณะเดียวกัน 1 โยง “ประชารัฐ” เข้ากับ “พรรคทหาร”
รู้กันอยู่แล้วว่าภาพลักษณ์ของ “พรรคทหาร” จากพรรคเสรีมนังคศิลามายังพรรคชาติสังคม พรรคสหประชาไทยและพรรคสามัคคีธรรมเป็นอย่างไร
เมื่อเป็น “กลยุทธ์” ทางการเมืองซึ่ง “ลอนช์” ออกมาจากสมองก้อนโตของพรรคประชาธิปัตย์ จึงดำเนินไปอย่างแพรวพราวเป็นอย่างสูง
ทหารอย่าง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา มองออก
แล้วนักการตลาดที่ชมชอบในเรื่อง “กลยุทธ์” ระดับ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ มีหรือที่จะอ่านไม่แตก แหลกละเอียด
เพียงแต่ว่าจะแก้ “เกม” อย่างไรเท่านั้น