มีแต่แช่งและบังคับ โดย สุริวงค์ เอื้อปฏิภาน

แฟ้มภาพ

ในช่วงเวลาอย่างนี้ เราจะได้ยินแต่การเรียกร้องรณรงค์นั่นนี่อย่างมากมาย เช่น การให้ของขวัญในเทศกาลปีใหม่ มีการโหมกระแสอย่าให้เหล้า ถ้าให้เหล้าเท่ากับแช่ง คนที่เชื่อ ก็เชื่อกันไป คนที่ไม่ยอมรับก็เอามาพูดจาเสียดสีกันเฮฮา ทำนองว่า อยากให้แช่งมากๆ แช่งหนักๆ อะไรแบบนี้

อันที่จริงองค์กรที่รณรงค์ต่อต้านเหล้ามีเจตนาดีแน่นอน โดยมุ่งเน้นไปใน 2 ประเด็น คือ เครื่องดื่มแอลกอฮอล์นั้นทำลายสุขภาพ เสียเงินเสียทองเปล่าประโยชน์ กับอีกประการคือ การดื่มแล้วขับนำไปสู่อุบัติเหตุ

ถ้าพูดเฉพาะเมาแล้วขับ ถือเป็นประเด็นใหญ่ นำมารณรงค์กันในทุกเทศกาล เป็นมาแล้วยาวนาน ควบคู่ไปกับการตั้งเป้าลดยอดตาย-เจ็บในทุกช่วงหยุดยาว ทั้งปีใหม่และสงกรานต์

แต่ความจริงทำไม่ได้ ตัวเลขไม่เคยลดลงอย่างจริงจัง

Advertisement

น่าเห็นใจฝ่ายที่ทำงานด้านสังคม ทำด้วยความห่วงใยชีวิตผู้คน โดยเฉพาะคนที่ไม่ได้ดื่มไม่ได้เมา แล้วต้องตกเป็นเหยื่อคนเมาแล้วขับ

แต่ก็ต้องตั้งคำถามกับภาครัฐว่า ได้ทำอะไรเพื่อช่วยลดปัญหาอุบัติเหตุตาย-เจ็บมหาศาลช่วงหยุดยาวอย่างไรบ้าง

เมื่อตอนต้นปี ในเทศกาลสงกรานต์ที่ผ่านมา เกิดเรื่องใหญ่ปั่นป่วนกันไปทั้งเมือง เมื่อพยายามจะนำกฎหมายมาบังคับใช้ ห้ามนั่งท้ายรถกระบะ รวมทั้งห้ามนั่งในแค็บด้วย

Advertisement

โดนสวดหูอื้อ จนต้องยอมถอย เลื่อนการบังคับใช้กฎหมายออกไปก่อน

มาในเทศกาลปีใหม่ที่กำลังจะมาถึงนี้ ใช้วิธีเตือนว่า อย่านั่งท้ายกระบะอย่างหวาดเสียว ห้ามนั่งที่ขอบรถ

จะเห็นได้ว่า สิ่งที่ภาครัฐพยายามทำคือ การบังคับประชาชนไม่ให้ทำนั่นนี่ เพื่อต้องการลดตัวเลขคนเจ็บ-ตาย

พูดง่ายๆ ว่า มีแต่สั่งให้ทำ สั่งห้าม เพื่อไม่ให้เจ็บ-ตาย แต่ไม่เคยจัดหาหรือเพิ่มการบริการ เพื่อไม่ให้คนที่ดื่มไปขับรถรา

การลงทุนของรัฐบาลเพื่อสร้างระบบขนส่งมวลชนสาธารณะที่รวดเร็ว สะดวก มีเส้นทางครบถ้วนครบวงจร จะเป็นหนทางสำคัญที่ทำให้คนส่วนใหญ่เป็นผู้นั่ง คนส่วนใหญ่เป็นผู้ใช้บริการขนส่งมวลชน

รถส่วนตัวจะหดหายไปจากท้องถนนได้อย่างแท้จริง

ถ้ารัฐยังไม่ลงทุนให้บริการระบบขนส่งมวลชนอย่างครบถ้วน สะดวกสบาย สมบูรณ์แบบ

ก็เป็นเรื่องยากที่จะห้ามคนที่ขาดความสมบูรณ์ไปอยู่หลังพวงมาลัยรถ หรือบนรถจักรยานยนต์

ยิ่งในระยะหลัง สังคมไทยมาหวาดผวาเพิ่มกับคนป่วยโรคต่างๆ ที่จู่ๆ ก็วูบหมดสติ จนก่ออุบัติเหตุชนวินาศสันตะโร

ถ้าหากขนส่งมวลชนเราดีพอ คนป่วยเหล่านี้เขาก็ไม่มาเสี่ยงขับรถเองแน่นอน

นี่คือปัญหาของสังคมไทย ที่ภาครัฐไม่เคยทุ่มเทงานบริการให้ประชาชนเพื่อไม่ต้องใช้รถส่วนตัว มีแต่เรียกร้องรณรงค์กระทั่งใช้กฎหมายบังคับด้านเดียว

ในขณะที่หลายๆ ประเทศ ที่ระบบขนส่งมวลชนสาธารณะเขาครบถ้วน สะดวกสบาย เห็นได้ชัดเจนว่ารถราบนท้องถนนบางตา ไม่มีปัญหารถติด ไปจนถึงป่วยขับ เมาขับ

โดยเฉพาะอย่างยิ่งรถไฟความเร็วสูง ที่เร็วจริง และขนคนได้ทีละเกือบพันคน

เปรียบเทียบกับที่ตำรวจทำในช่วงเทศกาลปีใหม่-สงกรานต์ ในการอำนวยความสะดวกให้ประชาชนออกท่องเที่ยวต่างจังหวัดได้อย่างปลอดภัย

นั่นคือ โครงการฝากบ้านไว้กับตำรวจ 

ไม่ต้องเสียเงินเสียทองอะไรเลย แค่แจ้งความประสงค์ไปที่สถานีตำรวจท้องที่ ปิดบ้านให้มิดชิดเรียบร้อย ก็ออกไปเที่ยวพักผ่อนได้อย่างสบายใจ กลับมาก็เรียบร้อยปลอดภัยทุกประการ

นี่คือตัวอย่างการบริการประชาชนในด้านความปลอดภัยในบ้านเรือน ไม่ต้องสั่งห้ามหรือบังคับ

เอาเป็นว่าจะแก้ปัญหาคนเจ็บ-ตายในเทศกาล รัฐต้องจัดให้ ไม่ใช่มาแช่ง มารณรงค์ มาบังคับ

………………..

สุริวงค์ เอื้อปฏิภาน

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image