เตพ เทพ และ มาร โดย สุวพงศ์ จั่นฝังเพ็ชร

การเสนอให้แก้ไข พ.ร.ป.พรรคการเมือง ของ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ และ นายไพบูลย์ นิติตะวัน

ชัดเจนเป็นลำดับว่า เอื้อประโยชน์ “พรรคใหม่” มากกว่า “พรรคเก่า”

สอดคล้องกับการที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ใช้มาตรา 44 คลายล็อกพรรคการเมืองนั้น

ถูกมองว่าพรรคที่ได้ประโยชน์ เป็น “พรรคใหม่” มากกว่า “พรรคเก่า”

Advertisement

จึงชี้แนวโน้ม “การเมือง” ตอนนี้ได้ชัดเจนขึ้น

ชัดเจนว่า พรรคการเมืองเก่า แม้หลายพรรคพร้อมเปิดกว้างให้ คสช.และรัฐบาลชุดปัจจุบัน

แต่ดูจะไม่มีเสียง “ตอบรับ” จากฝ่ายที่กุมอำนาจปัจจุบันเท่าใดนัก

อันสะท้อนว่า มีความาพยายามที่จะสร้าง “ภูมิทัศน์ใหม่” ทางการเมืองของ คสช.และรัฐบาลขึ้นมาเอง

ดังนั้น พรรคการเมืองใหม่ เกิดขึ้นแน่

แต่จะราบรื่นหรือไม่ นี่คือสิ่งที่น่าติดตาม

เพราะเมื่อกระแสชัดเจนขึ้น มี “ปฏิกิริยา” จากพรรคการเมือง “เก่า” ต้านพรรคการเมืองใหม่อย่างสอดคล้องกัน

สอดคล้องด้วยการ “เปิดโปง” ว่าพรรคใหม่เหล่านี้ คือ “พรรคทหาร” 

โดยเฉพาะพรรคประชาธิปัตย์ ที่แม้นายสุเทพจะเป็นตัวละครสำคัญในการขับเคลื่อน

แต่อดีต ส.ส.พรรคก็ออกมา “สาวไส้” อย่างกับเป็นฝ่ายตรงข้ามกัน

เช่นกล่าวหาว่าเป็นการ “สมคบคิด” กันแก้ไข พ.ร.ป.พรรคการเมือง เพื่อรีเซตสมาชิกพรรคใหม่ แล้วจะกวาดต้อนเอาสมาชิกพรรคที่ “แตกรัง” ไปสังกัดพรรคที่ตั้งขึ้นใหม่

ขณะเดียวกันก็ใช้อำนาจของ คสช. “ล็อก” พรรคการเมืองเก่าเอาไว้ไม่ไห้กระดิกกระเดี้ยได้และยิ่งยืนตายซากได้ยิ่งดี

สภาพเช่นนี้ ในสายตาพรรคเก่า โดยเฉพาะพรรคประชาธิปัตย์ มิได้มองนายสุเทพเป็น “เทพ” ดังตอนที่นำมวลมหาชนในนาม กปปส. เคลื่อนไหวแต่อย่างใด

บางคนใน ปชป.แทบจะแขวนป้าย “มาร” ให้เสียด้วยซ้ำ

พอพูดถึง “เทพ” และ “มาร” 

ก็อดย้อนไปถึงการเมืองช่วงปี 2535 ไม่ได้

มีการแบ่งพรรคออกเป็น พรรคเทพ พรรคมาร ชัดเจน

ตอนนั้น พรรคที่สนับสนุน พล.อ.สุจินดา คราประยูร ให้สืบทอดอำนาจคือ พรรคสามัคคีธรรม พรรคชาติไทย พรรคกิจสังคม และพรรคราษฎร ถูกแขวนป้าย “พรรคมาร”

ส่วนพรรคที่ต่อต้านคือ พรรคความหวังใหม่ พรรคประชาธิปัตย์ พรรคพลังธรรม และพรรคเอกภาพ เป็นฝ่าย “พรรคเทพ”

การเผชิญหน้าของ พรรคเทพ พรรคมาร เป็นไปอย่างรุนแรง

และที่สุดก็นำไปสู่กรณีพฤษภาคมทมิฬ อย่างที่ทราบกัน

ส่วนในปัจจุบัน ดูจะกลับหัวกลับหางจากอดีต

เพราะฝ่ายที่สนับสนุน คสช.และบิ๊กทหาร สืบอำนาจต่อไป พยายามยึดกุมความเป็นฝ่ายเทพ

เทพ เพราะนำเสนอ “การปฏิรูปประเทศ” 

ส่วนฝ่ายที่ไม่สนับสนุน ถูกสร้างให้เป็นฝ่ายมาร

มารในฐานะนักการเมืองระบบเก่า ที่ทุจริต คอร์รัปชั่น มีความสามานย์ในหลายด้าน

การเมืองจากการแต่งตั้ง ดีกว่า การเมืองจากการเลือกตั้ง

คือสิ่งที่ถูกโฆษณาชวนเชื่อมาตลอด 3 ปีแห่งการยึดอำนาจ

เทพและมาร เมื่อปี 2535 กับปี 2560 จึงแตกต่างกันอย่าง “หน้ามือเป็นหลังมือ”

แต่ก็ขับเคี่ยว แข่งขันดุเดือด ไม่แพ้กัน

ซึ่งแน่นอน นายสุเทพ ที่นำมวลมหาประชาชนปูทางให้มีการรัฐประหาร โดยอ้างถึงการต้องปฏิรูปประเทศ ถูกจับตามองมากเป็นพิเศษ

ว่าจะใช้ความเป็น “เทพ” ปั้น ให้ คสช.และฝ่ายที่กุมอำนาจปัจุบัน ผงาดต่อไปได้หรือไม่

หรือจะเป็นเพียง “สุ-เตพ” ที่ตอนนี้ พี่น้องชาวปักษ์ใต้ถามถึง

ถามถึง หลังจาก คสช.และรัฐบาลปัจจุบันที่ร่วมกันหนุนขึ้นมา แสดงความเป็นอื่น เมื่อการประชุมคณะรัฐมนตรีสัญจรที่ผ่านมา

ถามถึง หลังจากคนในประชาธิปัตย์พยายามถอดป้าย “เทพ” คน “กันเอง” ที่ส่อว่า กำลังร่วมปั้น “พรรคทหาร” ขึ้นมา

จริงเฮ้ออ..

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image