โฉมหน้า การเมือง ‘ปฏิรูป’ ก่อน ‘เลือกตั้ง’ ปฏิมา ‘ความฝัน’

เห็นคำสั่งหัวหน้า คสช.ฉบับที่ 53/2560 แล้วนึกถึงข้อเรียกร้องของ นายพิชัย รัตตกุล อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เมื่อไม่นานมานี้

อยากเห็นพรรคการเมืองร่วมมือกัน

อย่างน้อยที่สุดก็ร่วมมือกันในการต้านนายกรัฐมนตรี “คนนอก” ตามแผนสืบทอดอำนาจของขบวนการรัฐประหาร

ปรากฏว่าถูก “ปฏิเสธ”

Advertisement

ไม่ว่าจะมาจากพรรคประชาธิปัตย์ ไม่ว่าจะมาจากพรรคเพื่อไทย ล้วนประสานเสียงอย่างพร้อมเพรียงกัน

“เป็นไปไม่ได้ อิมพอสสิเบิล”

แม้กระทั่ง 2 แกนนำจาก 2 พรรค คือ นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ และ นายจาตุรนต์ ฉายแสง ซึ่งไปร่วมตอบคำถามในประเด็นนี้ยังถูก “เหล่” ด้วยความคลางแคลงใจ

Advertisement

ทั้งๆ ที่เพียงระบุว่าเป็นข้อเสนอที่ดี แต่ยากจะทำได้

พลันที่คำสั่งหัวหน้า คสช.ฉบับที่ 53/2560 ออกมาจะมีกี่คนในพรรคประชาธิปัตย์และในพรรคเพื่อไทยคิดได้และมองออกหรือไม่

คำสั่งนี้มีลักษณะ “รุก” อย่างเด่นชัด

รุกไปยังพรรคการเมือง “เก่า” ไม่เลือกว่าเป็นพรรคเพื่อไทย ไม่เลือกว่าเป็นพรรคประชาธิปัตย์ ไม่เลือกว่าเป็นพรรคชาติไทยพัฒนา

โดนกันถ้วนหน้า

แม้กระทั่งพรรคภูมิใจไทย แม้กระทั่งพรรคชาติพัฒนา ที่มีความเอนเอียงไปทาง คสช.ก็ใช่ว่าจะรอดปลอดพ้น

เว้นแต่จะสวมบทเป็นพรรคการเมือง “ใหม่”

เมื่อประสานคำสั่งหัวหน้า คสช.ฉบับที่ 57/2557 เข้ากับคำสั่งหัวหน้า คสช.ฉบับที่ 53/2560 ก็จะประจักษ์ว่า นี่มิใช่นิทานว่าด้วยตาอิน ตานา ตาอยู่อย่างธรรมดา

เพราะกินทั้งหัว ทั้งหาง กินกลางตลอดตัว

หากศึกษากระบวนการก่อนรัฐประหารเมื่อเดือนกันยายน 2549 กับหลังรัฐประหารเมื่อเดือนพฤษภาคม 2557 อย่างวิเคราะห์

ก็จะมองเห็นความต่อเนื่อง สัมพันธ์กัน

ที่ว่ารัฐประหารเมื่อเดือนกันยายน 2549 กลายเป็นรัฐประหาร “เสียของ” ก็ได้รับการบูรณาการอย่างเด่นชัดจากรัฐประหารเมื่อเดือนพฤษภาคม 2557

ตอนแรกพรรคประชาธิปัตย์ก็ยิ้ม ตอนแรกพรรคภูมิใจไทยก็ยิ้ม

แต่เมื่อผ่านเดือนพฤษภาคม 2557 มาเป็นปีที่ 3 ในเดือนพฤษภาคม 2560 ก็เริ่มมองเห็นเด่นชัดแล้วว่า เป้าหมายมิได้อยู่ที่พรรคเพื่อไทยเท่านั้น

หากกินหัว กินหาง กินกลางตลอด

คราวนี้รู้หรือยังว่าทำไมคำสั่งหัวหน้า คสช.ฉบับที่ 53/2560 จึงได้ออกมาอย่างนี้หากไม่มี “ไส้ศึก” จากนักการเมือง จากพรรคการเมือง คงไม่ออกมาอย่างนี้

จึงมองเห็น “เส้นทาง” ของนายกรัฐมนตรี “คนนอก” เด่นชัด

จึงมองเห็นอย่างทะลุปรุโปร่งต่อการเสนอคำขวัญที่ว่า “ปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง” นั้นแท้ที่จริงแล้วออกมาอย่างนี้นี่เอง

หากมองจากพื้นฐานที่ว่า พรรคการเมืองเดิม พรรคการเมืองเก่า เป็นเชื้อโรคร้าย ฉุดรั้งประชาธิปไตยมิให้เติบใหญ่พัฒนา

คำสั่งหัวหน้า คสช.มีลักษณะ “ปฏิรูป”

บรรดาพรรคการเมืองเก่าไม่ว่า พรรคประชาธิปัตย์ พรรคชาติไทยพัฒนา พรรคภูมิใจไทย พรรคเพื่อไทย มีความจำเป็นต้องกวาดล้าง สะสาง

เท่ากับเป็นการ “ปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง”

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image