ยังไงกันแน่ โดย วรศักดิ์ ประยูรศุข

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา (แฟ้มภาพ)

มองจากมุมหนึ่ง ไอเดียใช้ มาตรา 44 “คลายล็อก” แต่ไม่ “ปลดล็อก” นั้น ประสบผลสำเร็จไม่เบาทีเดียว

คำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 53/2560 กำหนดเวลาใหม่ สำหรับพรรคการเมืองที่จะตั้งใหม่ และพรรคเดิม ที่จะต้องให้สมาชิกพรรคมายืนยันสถานะ จ่ายค่าบำรุงใน 30 วัน

พรรคใหม่ให้เริ่มยื่นได้ตั้งแต่ 1 มี.ค.61 ส่วนพรรคเก่าให้สมาชิกมายืนยันสถานะได้ใน 30 วัน เริ่มตั้งแต่ 1 เม.ย.2561

ในอีกมุมหนึ่ง คือ ความเดือดร้อนของพรรคเดิม

Advertisement

โดยเฉพาะพรรคที่ก่อตั้งมายาวนาน มีสมาชิกร่วมๆ 2.8 ล้านคน อย่าง ปชป. กระทบหนักเป็นพิเศษ

เพราะคำสั่งนี้ เท่ากับไม่รับรองสถานะสมาชิกทั้งหมด จนกว่าสมาชิกนั้นจะมายืนยันตนเอง พร้อมกับจ่ายเงินค่าบำรุงพรรค

พรรคอื่นๆ อย่างเพื่อไทย ซึ่งมีสมาชิก 1.3 แสน ภูมิใจไทย 1.5 แสน ชาติไทยพัฒนา 2.6 หมื่น ก็เหนื่อยไปคนละแบบ

เพราะเท่ากับต้องมานับหนึ่งกันใหม่ บรรดาแกนนำพรรคต่างๆ ออกมาฟันธง

เหมือนๆ กันว่า นี่เท่ากับ “รีเซต” หรือ “เซตซีโร่” สมาชิกพรรค หรือพรรคการเมืองนั่นเอง

ใครได้ประโยชน์จากวิธีการนี้ ที่แน่ๆ คือพรรคที่จะตั้งใหม่ ส่วนพรรคเก่านั้นเสียเปรียบโดยอัตโนมัติ

รัฐบาลให้เหตุผลว่า ที่ต้องทำอย่างนี้ เพราะที่ผ่านมา มีการนำชื่อประชาชนไปเป็นสมาชิกพรรคนั้น พรรคนี้ ซ้ำซ้อนบ้าง เจ้าของชื่อไม่รู้เรื่องด้วยบ้าง

ฟังดูเหมือนจะมีเหตุผลเหมือนกัน เพราะการเมืองแบบไทยๆ ก็จะประมาณนี้ มีการเอาชื่อประชาชนไปแอบอ้างสารพัด

แต่ทาง กกต.โดย นายสมชัย ศรีสุทธิยากร เพิ่งออกมาบอกว่าในฐานข้อมูลที่ กกต.รับผิดชอบอยู่ ไม่มีรายชื่อสมาชิกพรรคการเมืองซ้ำซ้อนกันแม้แต่รายเดียว

ระบบฐานข้อมูลที่ กกต.ออกแบบมานั้น เพื่อใช้สำหรับตรวจสอบสมาชิกพรรคการเมือง ตั้งแต่วันที่ 8 ตุลาคม 2550 เป็นต้นมา การบันทึกข้อมูลสมาชิกพรรคการเมืองต้องใช้เลขประจำตัวประชาชน 13 หลัก ในการบันทึกข้อมูล

หากคีย์ข้อมูลแล้วระบบพบว่า บุคคลดังกล่าวมีชื่อเป็นสมาชิกเกินกว่า 1 พรรค ระบบก็ตัดชื่อบุคคลดังกล่าวออกทั้งหมด หรือถ้าคีย์ข้อมูลแล้วพบว่ามีชื่อเป็นสมาชิกพรรคการเมืองหนึ่งอยู่ก่อนแล้ว ระบบก็จะไม่บันทึกข้อมูลซ้ำ

เป็นไปตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง 50 มาตรา 24 ที่ห้ามมิให้ผู้ใดเป็นสมาชิกของพรรคการเมืองในขณะเดียวกันเกินหนึ่งพรรคการเมือง

ถ้าเป็นจริงตามที่ กกต.สมชัยว่า ก็เท่ากับว่าคำสั่ง 53/2560 ออกมาบังคับใช้บนพื้นฐานข้อมูลที่มีปัญหา

ถ้ารัฐบาลจะยืนยันใช้คำสั่งนี้ต่อไป โดยเฉพาะในเรื่องการรีเซตสมาชิกพรรค ควรต้องนำข้อมูลหลักฐานมาแสดงว่ามีความซ้ำซ้อนเกิดขึ้นมากมาย ถึงขนาดจะต้องรีเซตกันจริงๆ

การออกมาแถลงปฏิเสธว่าไม่ใช่รีเซต ก็เหมือนกับพูดเสียงแข็งว่า ฝนไม่ตก ทั้งที่ยืนตัวเปียกกันเห็นๆ นั่นเอง

ปฏิรูปทั้งที ต้องเริ่มจากความจริง ไม่งั้นยุ่งไม่เลิกแน่นอน

……………

วรศักดิ์ ประยูรศุข

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image