ลดตายเจ็บ ถ้าลดความเร็ว ถึงเวลาที่จะต้องเอาจริงเอาจัง : โดย ดร.วิชิตวงศ์ ณ ป้อมเพชร

ไม่ใช่ของง่ายที่ประเทศใดจะได้ครองอันดับหนึ่งของโลก ไม่ว่าจะเป็นในด้านใดก็ตาม ซึ่ง ณ บัดนี้ประเทศไทยก็ได้บรรลุนัมเบอร์วันเรียบร้อยแล้ว

ประเทศไทยได้เป็นอันดับหนึ่งในโลกในการที่มีจำนวนคนตายเนื่องจากอุบัติเหตุบนท้องถนนมากที่สุด ซึ่งเป็นการแซงหน้าบรรดาประเทศคู่แข่งทั้งหลาย

ในแต่ละปีมีการเสียชีวิตเพราะอุบัติเหตุบนท้องถนนกว่าหมื่นราย และบาดเจ็บอีกนับแสนราย เป็นเช่นนี้ติดต่อกันมาหลายต่อหลายปี ทั้งๆ ที่ทุกภาคส่วนในสังคมก็ได้พยายามหามาตรการป้องกัน แต่จำนวนผู้เสียชีวิตและบาดเจ็ดก็ยังคงเพิ่มขึ้นตลอดเวลา

การที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะเหตุว่าเรามิได้พยายามทำความเข้าใจ “โจทย์” ทั้งๆ ที่ทราบดีว่า หากไม่เข้าใจโจทย์ที่ถูกต้อง ก็จะไม่มีทางตอบโจทย์ได้ถูกต้อง

Advertisement

เราได้สูญเสียเวลาและทรัพยากรไปมากมาย พร้อมกับการสูญเสียชีวิตของผู้คนอย่างน่าสลดใจเพราะเหตุว่า ไม่พยายามเข้าใจสาเหตุหลักของอุบัติเหตุและโศกนาฏกรรมบนท้องถนน ทั้งๆ ที่ได้มีการวิเคราะห์วิจัยโดยหน่วยราชการและนักวิชาการจนกระทั่งได้ข้อสรุปตรงกันหมดมาเป็นเวลาพอสมควร

สาเหตุหลักของอุบัติเหตุบนท้องถนนก็คือ การใช้ความเร็วสูง

ตามมาด้วยพฤติกรรมจากการขาดจิตสำนึกในความปลอดภัย ที่เกิดจากการคิดเอาประโยชน์ส่วนตนเป็นที่ตั้ง กล่าวคือกระทำการรีบเร่ง ตัดหน้าอย่างกระชั้นชิด การตามหลังที่กระชั้นชิดเกินไป และการแซงในขณะคับขัน เรียงกันไปตามลำดับ ส่วนสาเหตุที่อยู่ในอันดับท้ายๆ ก็คือการเมาสุรา ซึ่งต่างไปจากการดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์

Advertisement

การใช้ความเร็วสูงในการขับขี่ยานพาหนะไม่เพียงแต่จะเป็นสาเหตุสำคัญในการก่อให้เกิดอุบัติเหตุและโศกนาฏกรรมบนท้องถนนแล้ว ก็ยังเกี่ยวข้องกับโอกาสที่ผู้ประสบอุบัติเหตุจะเสียชีวิตอีกด้วย หากขับขี่ยานพาหนะโดยใช้ความเร็วไม่เกิน 30 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ผู้ประสบอุบัติเหตุโดยปกติจะไม่ถึงกับเสียชีวิต เพราะความรุนแรงมีไม่มาก แต่ในกรณีที่ใช้ความเร็วเกินกว่า 60 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ผู้ประสบอุบัติเหตุเกือบจะไม่มีโอกาสรอดชีวิต

นอกจากนั้น อุบัติเหตุที่มีผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่จะเป็นอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นบนถนนในเขตชุมชน ถนนสายสั้นๆ และทางสายรอง จำนวนผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุบนทางหลวงและทางด่วนจะมีน้อยกว่า สำหรับส่วนใหญ่ของผู้ที่เสียชีวิตก็จะเป็นคนเดินเท้า ผู้ขับขี่รถจักรยานและผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์

ดังนั้นจึงต้องจำกัดความเร็วของการขับขี่ยานพาหนะให้ต่ำที่สุดในเขตชุมชน เพื่อรักษาชีวิตของคนเดินเท้า ผู้ขับขี่จักรยานและผู้ขับขี่จักรยานยนต์

ในระยะเวลาที่ผ่านมา ได้มีการให้ความเอาใจใส่ต่อปัญหาการบริโภคเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์กับอุบัติเหตุบนท้องถนนกันมาก โดยมีความเข้าใจว่า หากสามารถควบคุมปัญหาดังกล่าวได้ ก็จะทำให้อุบัติเหตุบนท้องถนนลดน้อยลง แต่ก็ไม่เป็นไปตามนั้น เพราะแม้จะกระทำเกือบทุกทางในการควบคุมปัญหาดังกล่าว อุบัติเหตุและโศกนาฏกรรมบนท้องถนนก็มิได้ลดลง

ความเป็นจริงก็คือ สาเหตุที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุคือการใช้ความเร็วสูง มิใช่เพราะดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ ผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ที่เสียชีวิตจากอุบัติเหตุบนท้องถนน เสียชีวิตเพราะใช้ความเร็วสูง มิใช่เพราะดื่มแอลกอฮอล์ หากผู้ดื่มแอลกอฮอล์ขับขี่ยานพาหนะโดยไม่ใช้ความเร็วสูงโอกาสที่จะเกิดอุบัติเหตุก็มีน้อย และหากถึงจะมีบ้าง ก็จะไม่เป็นโศกนาฏกรรม ตรงข้ามหากผู้ที่ขับขี่ยานพาหนะใช้ความเร็วสูง แม้ว่าตั้งแต่เกิดมาจะไม่ดื่มแอลกอฮอล์ แม้เพียงหยดเดียวก็อาจทำให้เกิดอุบัติเหตุและโศกนาฏกรรมได้

ดังนั้นปัญหาอุบัติเหตุและโศกนาฏกรรมบนท้องถนนจึงมาจากการที่ผู้ขับขี่ยานพาหนะใช้ความเร็วสูง จึงต้องแก้ไขปัญหาดังกล่าวด้วยการควบคุมการใช้ความเร็วเป็นสำคัญ

และอย่าได้สันนิษฐานว่าการดื่มแอลกอฮอล์ทำให้ขับรถเร็ว

ดร.วิชิตวงศ์ ณ ป้อมเพชร

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image