อบายอันชอบด้วยกฎหมาย โดย : กล้า สมุทวณิช

หากใครเคยมีประสบการณ์ไปใช้บริการสถานอาบ อบ นวด หรือนวดแผนโบราณบางประเภท อาจจะได้สังเกตเห็นอะไรอย่างหนึ่ง ที่เป็นเครื่องสะท้อนภาพใหญ่ของการบังคับใช้กฎหมาย และ “ศีลธรรมอันดี” แบบไทย คือแผ่นป้ายเล็กๆ ที่ติดเอาไว้ในห้องว่า “ห้ามค้าประเวณี”

สถานบริการอาบอบนวดนั้นถือเป็นกิจการที่ชอบด้วยกฎหมาย ตามพระราชบัญญัติสถานบริการ พ.ศ.2509 อยู่ในจำพวกของ “สถานอาบน้ำ นวด หรืออบตัว ซึ่งมีผู้บริการให้แก่ลูกค้า” ตามนิยามแห่งมาตรา 3 ที่คงจำกันได้ว่าหลักเกณฑ์ของการ “ช้อปช่วยชาติ” ที่ฮือฮาเมื่อปีที่แล้ว ก็คือการไปเที่ยวสถานอาบอบนวดนี้ ถ้ากล้าขอใบเสร็จและใบรับรองภาษีเต็มรูปแบบ ก็สามารถเอามาลดหย่อนภาษีได้ ก็ด้วยความ “ชอบด้วยกฎหมาย” เช่นนี้นั่นเอง

ดังนั้น เพียงเท่าที่สายตาของ “กฎหมาย” มองเห็น อาบ อบ นวด ก็เป็นแค่สถานที่ที่ให้คนไปอาบน้ำ นวดตัว อบตัว โดยมีผู้ให้บริการ จากนั้นพอสบายตัวแล้วก็แยกย้ายกันกลับบ้านไป เพียงเท่านั้น คือขอบเขตที่กฎหมายเห็นว่าเป็นกิจการที่อนุญาตให้เปิดได้ภายใต้กฎเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด

ป้าย “ห้ามค้าประเวณี” คือการ “ออกตัว” เพื่อให้ชอบด้วยกฎหมายว่า การนั้นเป็นเรื่องที่ทางผู้ให้บริการสถานบริการนั้นห้ามไว้แล้ว หากมีการกระทำที่ห้ามไว้แล้ว ถือว่าเป็นไปตามเรื่องของผู้ให้และผู้รับบริการกระทำกันไปเองโดยใจสมัคร นอกเหนือจาก “วัตถุประสงค์” ของผู้ประกอบการแล้ว

Advertisement

แต่ก็อย่างที่ทุกคนซึ่งไม่ใช่ผู้ไร้เดียงสาก็ทราบกันได้นั่นเอง ว่าสถานบริการอาบ อบ นวด นั้น เป็นการให้บริการอะไร ผู้ที่เข้าไปใช้บริการหวังจะได้รับบริการแบบไหนกลับมา หรือถ้าเข้าไปดูตามเว็บไซต์หรือเพจที่มีการ “รีวิว” หรือ “แนะนำ” สถานบริการเหล่านี้ ก็จะพบบทวิจารณ์โจ๋งครึ่มที่เราก็รู้ว่าสถานที่ดังกล่าวนั้นไม่ใช่ที่ให้คนไปแช่อ่างน้ำอุ่นนอนเล่นแน่ๆ

และก็เช่นเดียวกับอีกหลายเรื่อง ที่เป็นเรื่องผิดกฎหมาย แต่ใครๆ ก็รับรู้ว่ามันมีจริง จนเป็นเหมือนจารีตประเพณีที่ยกเว้นกฎหมายไปเสียแล้ว เช่น การแทงหวยใต้ดิน หรือการพนันฟุตบอล ซึ่งล้วนเป็นการพนันที่กฎหมายห้ามไว้ไม่ให้มีผู้ใดเล่น ตามบัญชี ข. แห่งพระราชบัญญัติการพนัน พ.ศ.2478 แต่เราก็พูดถึงการแทงหวยใต้ดินหรือพนันฟุตบอลซึ่งเป็นเรื่องผิดกฎหมายนั้นได้อย่างเปิดเผยเป็นปกติ ว่าใครแทงอะไรบนล่าง ซื้อเท่าไร ในหนังสือพิมพ์ก็มีลงอัตราต่อรองฟุตบอลไว้ หรือแม้แต่ในหน่วยงานราชการให้ยิ่งใหญ่หรือศักดิ์สิทธิ์เพียงไร แต่คนที่ทำงานในนั้นก็จะรู้กันว่าจะไปซื้อหวยเลขเด็ดนั้นได้ที่ใคร

ในที่สุดแล้ว อบายมุขไม่ว่าจะเป็นเรื่องการค้าประเวณีหรือการพนัน ก็เป็นเรื่องที่สังคมยอมรับว่าเป็นสิ่งที่มีสถานะ “ผิดกฎหมาย” หากยังดำรงอยู่อย่างเป็นปกติธรรมดา จนอาจกล่าวได้ว่า ความผิดในเรื่องการค้าประเวณี หรือการพนันหวยใต้ดินและทายผลฟุตบอลนี้ ไม่ถือเป็น “กฎหมายตามความรู้สึก” ของผู้คนตามความเป็นจริงแล้ว

Advertisement

แต่ตราบใดที่สิ่งเหล่านั้นยังเป็นเรื่อง “ผิดกฎหมาย” อยู่ ก็ทำให้เกิดการใช้อำนาจโดยมิชอบโดยเจ้าหน้าที่ของรัฐที่จะเลือกบังคับใช้กฎหมายนั้นเมื่อไร หรือเพียงเฉพาะกับบุคคลใดก็ได้ และมันก็เติบโตต่อไปเป็นอำนาจมืดและอิทธิพลอันไม่ชอบด้วยกฎหมายแอบอยู่ใต้พรม ซึ่งในที่สุด การมีอยู่ของกฎหมายที่ใช้บังคับจริงไม่ได้ หรือเปิดโอกาสให้เลือกใช้บังคับได้เช่นนั้น ก็ไม่เกิดประโยชน์ต่อใครเลย นอกจากผู้มีอำนาจที่บริหารบังคับใช้กฎหมายได้เช่นนั้น

เมื่อทุกอย่างอยู่ในหลืบเงาที่กฎหมายแม้จะรู้แต่ก็ไม่เห็น ก็ทำให้อำนาจรัฐไม่สามารถก้าวล่วงไปควบคุมใดๆ ในพื้นที่สีดำนั้นได้เลย ทำให้ความ “เทา” ของกิจกรรมนั้นลามไปสู่ความมืด เช่น จากการค้าประเวณีโดยสมัครใจระหว่างผู้บรรลุนิติภาวะ อันเป็นเรื่องที่สังคมพอจะรับได้ แต่เมื่อมันไปอยู่ในที่มืดเสียแล้ว ขอบเขตของมันก็กระจายแผ่ออกไปสู่พื้นที่ซึ่งมืดมนยิ่งกว่า เช่น การค้าประเวณีที่หลบซ่อนโดยเปิดเผยนั้น ก็ลุกลามไปเป็นเรื่องการค้ามนุษย์ หรือการล่วงละเมิดต่อเด็กหรือเยาวชน ดังเช่นเป็นข่าวการจับกุมสถานอาบอบนวดชื่อดังไปเมื่อปลายสัปดาห์ที่แล้ว

จึงมีข้อเรียกร้องหรือข้อสงสัยอยู่เสมอว่า ถ้าเช่นนั้น แทนที่จะให้เป็นเรื่องที่ทางฝ่ายบ้านเมืองบังคับใช้กฎหมายแบบหน้าไหว้หลังหลอกเช่นนี้ สู้เรายอมรับและทำให้เรื่องดังกล่าวถูกต้องตามกฎหมายไปเลยจะดีกว่าหรือไม่ เหมือนที่ครั้งหนึ่งเราเคยยอมรับให้นำ “หวยใต้ดิน” ขึ้นมาไว้บนดินที่สร้างรายได้ให้แก่รัฐจนเอามาตั้งเป็นทุนการศึกษาส่งนักเรียนไปเรียนต่างประเทศได้ ก่อนจะเลิกล้มยุติไปเมื่อการเมืองเปลี่ยนทาง

ในทางทฤษฎีแล้ว การพนัน หรือการค้าประเวณี หรือสื่อลามกนี้ ถือว่าเป็นกรณีความผิดเพราะกฎหมายห้าม ไม่ใช่ความผิดเพราะมันเป็นสิ่งเลวร้ายในตัวของมันเอง เช่นนี้แล้ว สิ่งที่กล่าวมาเหล่านั้นจึงเป็นกิจการหรือกิจกรรมที่ชอบด้วยกฎหมายในหลายประเทศทั่วโลกตามแต่รัฐประศาสโนบาย โดยมีกฎหมายและกลไกของรัฐจำกัดขอบเขตให้ล้ำไปสู่แดนที่ถือเป็นอาชญากรรมหรือความผิดที่รุนแรงกว่า

ข้อดีของการทำให้เรื่องที่เคยเทาดำ ที่รัฐพอจะอนุญาตให้กระทำได้บ้าง มาเป็นเรื่องที่ชอบด้วยกฎหมายนี้ นอกจากจะเป็นรายได้ที่ตกแก่รัฐแล้ว การยอมรับและจำกัดขอบเขตก็สร้างความชอบธรรมให้อำนาจรัฐในการเข้าไปควบคุมหรือวางกติกา เพื่อคุ้มครองทั้งฝ่ายผู้ให้และผู้รับบริการ รวมถึงป้องกันไม่ให้เกิดผลกระทบต่อสังคมนอกวงการด้วย เช่น เรื่องของการค้าประเวณี ก็มีการกำหนดอายุของผู้จะให้บริการ มีมาตรการคุ้มครองเกี่ยวกับสุขภาพ เช่น ให้มีการตรวจโรคหรือการป้องกันโรค มีการกำหนดเขตการให้บริการเช่นนี้อยู่เป็นที่เป็นทางไม่ประเจิดประเจ้อ และป้องกันผู้ยังไม่สมควรจะเข้าสู่ “อบายมุข” เช่นว่านั้น ได้แก่เด็กหรือเยาวชนให้เข้าถึงสิ่งเหล่านั้น

หรืออย่างกรณีของการพนัน ก็มีการจำกัดกลุ่มผู้ที่จะสามารถเข้าไปเล่นการพนันที่ถูกกฎหมายได้ ไม่ว่าจะเป็นการจำกัดโดยอายุ หรืออาจจะใช้ “ค่าต๋ง” หรือค่าผ่านเข้าเล่นเป็นกำแพงจำกัดกลุ่มผู้มีสิทธิเข้าไปเล่นการพนันในสถานกาสิโนได้

กระนั้นการที่รัฐเปิดเสรีเรื่องเทาๆ นี้ก็ใช่ว่าจะไม่มีข้อเสียเลย นั่นเพราะการเปิดอบายมุขเหล่านี้ให้เป็นเรื่องถูกกฎหมาย ก็อาจจะเป็นการลดทอนความยับยั้งชั่งใจ หรือสร้างทางสะดวกให้ผู้คนที่จะแรกก้าวเข้าสู่โลกแห่งความเสื่อมถอยนั้นได้ เช่น ใครคนหนึ่งอาจจะนึกอยากเล่นการพนันขึ้นมา แต่ก็ไม่รู้ว่าถ้าอยากจะเล่นจะไปเล่นได้ที่ใด ต้องติดต่อใคร จะเข้าวงการได้อย่างไร แต่ถ้ามีบ่อนกาสิโนเปิดเผยเสรีแล้ว เขาก็ชอบที่จะเข้าสู่โลกของการพนันนั้นได้อย่างง่ายดาย

เพราะเรื่องที่ปฏิเสธไม่ได้คือ ทั้งการค้าประเวณีและการพนันนั้น ล้วนแต่เป็น “อบายมุข” อันแปลว่าทางแห่งความเสื่อม ซึ่งตามธรรมดาแล้วจะไหลลาดลงไปสู่ความเสื่อมลงยิ่งกว่า ดังนั้นการเปิดปล่อยให้ทางแห่งความเสื่อมนั้นเปิดกว้างเชิญชวนเกินไป ก็จะนำมาสู่การขยายตัวออกจนรบกวนความเป็นอยู่ร่วมกันด้วยดีในสังคม เช่นที่การพนันก่อให้เกิดอาชญากรรม การค้าประเวณีที่อาจจะล่อแหลมที่จะล่วงเข้าไปสู่ผู้ไม่สมัครใจหรือเด็กและเยาวชน

แต่ถ้าจะปิดประตูตายเส้นทางเสื่อมนั้น ก็ต้องแน่ใจว่าประตูนั้นจะต้องผนึกสนิทแน่นโดยไม่มีช่องให้ลักลอบแอบเข้า-ออกได้ ไม่เช่นนั้นก็จะกลายเป็นเรื่องหน้าไหว้หลังหลอกอย่างที่กล่าวไปข้างต้น

และข้อพิจารณาอีกประการที่สำคัญก็คือ แม้แต่เราจะเปิดช่องทางดังกล่าวให้ชอบด้วยกฎหมาย และรัฐเข้าไปควบคุมได้แล้ว ก็ไม่สามารถรับประกันได้ว่าการขึ้นมาอยู่ในที่สว่างทั้งหมดนั้นจะขจัดขอบเขตส่วนมืดของเรื่องนั้นได้อย่างสมบูรณ์ไม่ เพราะแม้ว่าจะขยายเส้นขอบกิจกรรมสีเทาให้อยู่ในที่สว่างได้แล้ว มันก็ยังมีผู้ที่ต้องการจะขยับลึกเข้าสู่ส่วนสีดำที่มืดมนกว่าอยู่ดี เช่น หากว่ารัฐจะเปิดให้การค้าประเวณีเป็นเรื่องถูกกฎหมายสำหรับผู้บรรลุนิติภาวะโดยสมัครใจก็ตาม แต่กระนั้นก็ยังเชื่อได้ว่า การค้ามนุษย์ หรือการล่วงละเมิดทางเพศกับเด็กและเยาวชนนั้นก็คงไม่หมดไป เพียงแต่อาจจะหลบมุมลึกเข้าไปอีกหน่อย และผู้มีอิทธิพลนอกกฎหมายที่หาประโยชน์ในเรื่องเช่นว่านั้นก็ยังคงมีอยู่เพื่อครอบครองพื้นที่สีดำเหล่านั้นอยู่นั่นเอง

การพิจารณาเรื่องการเปิดช่องทางแห่งอบายมุขนี้จึงยังเป็นประเด็นที่ถกเถียงกันได้ต่อไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสภาพการณ์ที่การบังคับใช้กฎหมายทำได้แบบปิดๆ เปิดๆ ด้วยการฉ้อฉลลับลวงและอิทธิพลของผู้มีอำนาจใช้บังคับหรือบริหารกฎหมาย ซึ่งในที่สุดแล้วผลมันจะออกมาว่าพื้นที่สีเทาก็กินแดนเข้ามาในพื้นที่แห่งความชอบด้วยกฎหมาย ส่วนพื้นที่สีดำก็ยังคงอยู่และเข้าถึงได้ หรือดีไม่ดีอาจจะเป็นการเข้าถึงโดยมีพื้นที่สีเทาอันชอบด้วยกฎหมายเป็นทางผ่านเสียด้วยก็ได้

บางครั้งความอิหลักอิเหลื่อ เลือกทางไหนก็ไม่ไปสุดสักทางเช่นนี้ การดำรงอยู่อย่างทึมเทาของสิ่งอบายมุขเหล่านั้นในแบบไทยๆ ในปัจจุบัน ก็อาจจะเป็นวิธีการดำรงอยู่ของมันตามธรรมชาติและวัฒนธรรมของเราไปแล้วก็ได้ คือเรามีกฎหมายห้าม และใครๆ ก็รู้กฎหมายนั้น แต่เราก็รู้โดยเปิดเผยเช่นกันว่ามันทำได้ และเป็นเรื่องปกติที่ทุกคนในสังคมมองเห็น โดยมีกฎหมายอยู่แต่ในกระดาษเท่านั้นที่สันนิษฐานว่ากิจการอาบน้ำ นวดตัว อบตัวนั้นไม่มีบริการเชิงกามารมณ์ใดๆ ทั้งสิ้น

เราก็จะพบป้าย “ห้ามค้าประเวณี” แขวนติดอยู่ในสถานบริการอาบ อบ นวดกันต่อไป หรือวันหวยออกดังเช่นวันนี้ (17 มกราคม) เราก็รู้ว่านาทีสุดท้าย เราจะยื่นโพยหรือส่ง LINE ไปแทงหวยเลขเด็ดกับใครได้

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image