“ฤทธิ์”ดาวมฤตยูมีจริง? โดย นพ.วิชัย เทียนถาวร

ต้นเดือนมีนาคม มีเหตุการณ์ทางธรรมชาติวิถีการเดินทางของดวงดาว ที่มีแก่นแกนความเชื่อทั้งดาราศาสตร์และโหราศาสตร์ เรื่องนี้ใหญ่จนอาจพูดได้ว่าใครไม่รู้เรื่องก็คงจะเชย!!พอสมควร

ตั้งแต่วันอาทิตย์ที่ 6 มีนาคม 59 มีโหราจารย์ พระภิกษุสงฆ์ ซึ่งศึกษาและเชี่ยวชาญการเดินทางของ “ดวงดาว” ในตำราโหราศาสตร์ คือ ดาวมฤตยู (หมายเลข 0) ที่ย้ายมาจากราศีมีน เข้า “ราศีเมษ” ซึ่งราศีตรงนี้เป็น “ลัคนา” ของดวงเมืองของประเทศไทย ท่านว่า “ดาวมฤตยู” เวียนบรรจบครบรอบทับดวงเมือง (คือลัคนา) โดยธรรมชาติแล้ว 7 ปี จะเวียนมาบรรจบครบรอบหนึ่ง แปลว่า ปี พ.ศ.2475 ซึ่งมีการเปลี่ยนแปลงการปกครองในรัชกาลที่ 7 พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว พระราชทานรัฐธรรมนูญฉบับแรก เปลี่ยนแปลงการปกครองจากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ เป็นระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข จวบจนทุกวันนี้ ครบ 82 ปี เรามี “รัฐธรรมนูญ” และ 19 ฉบับ ที่กำลังร่างนี้เป็นฉบับที่ 20

โหราจารย์และโดยเฉพาะผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดไตรมิตรระบุว่า ประเทศไทยจะมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ซึ่งจะมีผลกระทบกับประชาชนทั้งประเทศทางด้านการเมือง จะมีเรื่องวุ่นวายเพิ่มมากขึ้นก่อน แล้วจะปรับเข้าสู่การเมือง “ยุคใหม่” ด้าน “เศรษฐกิจ” ไทยจะตกต่ำลงไปอีก สำหรับสินค้าเกษตร จะกลับมามีบทบาทสำคัญต่อเศรษฐกิจของประเทศอีกครั้ง และที่น่าสนใจ “โหร” ท่านยังทำนายไว้ว่า ปัญหาก่อการร้ายใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ จะต้องจบลงภายใน 7 ปีข้างหน้านี้อย่างแน่นอน…เรื่องนี้ต้องติดตามดู

นอกจากนี้ เมื่อวันที่ 9 มีนาคม 59 เกิดสุริยุปราคา สำหรับประเทศไทยเฉพาะกรุงเทพมหานคร เกิดช่วงเวลา 06.38-08.32 น. ราว 2 ชั่วโมง เห็นเพียง 41% เท่านั้น นั่นเป็นเรื่องธรรมชาติที่มีการขับเคลื่อนเปลี่ยนแปลงไปตามสุริยุคติ หรือจันทรคติ เรื่อง “พยากรณ์” เป็นคำที่ระบุหรือมีกล่าวถึงเป็นความเชื่อหรือเป็นสถิติที่เคยเกิดมาแล้ว น่าจะเกิดอีกเมื่อมาบรรจบครบรอบ แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับวิจารณญาณส่วนบุคคล

Advertisement

หากติดตามสถานการณ์บ้านเมือง ณ เวลานี้ จากปีใหม่เป็นต้นมาจนถึงปลายเดือนมีนาคม มีหลายเรื่องที่พร้อมจะเป็นชนวนเหตุให้เกิดความวุ่นวาย หรืออาจเรียกว่าเป็น “สายล่อฟ้า” เกิดฟ้าผ่าได้มีอยู่หลายเรื่องด้วยกัน กล่าวคือ

1.ปมเศรษฐกิจปากท้องที่ประชาชนกลุ่มต่างๆ ที่เป็นฐานค้ำยัน “รัฐบาลเรือแป๊ะ” รัฐบาลท็อปบู๊ตที่เริ่มกินไม่อิ่ม นอนไม่หลับ ห้างร้าน โรงงานหลายแห่งทยอยปิดกิจการ ลอยแพคนงาน ย้ายฐานการผลิต การค้าขายฝืดเคืองสะท้อนจากผลสำรวจ “สวนดุสิตโพล” พบว่าผลงานตกลงของรัฐบาลในรอบ 1 ปี 6 เดือน อันดับ 1 คือ การแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ สินค้าแพง อันดับ 2 การแก้ปัญหาภาคการเกษตรและผลผลิตทางการเกษตรตกต่ำ อันดับ 3 การแก้ปัญหาปากท้องชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน

นอกจากนั้น ช่วงเดือนมีนาคม เมษายน พฤษภาคม 3 เดือนอันตราย คือ “วิฤตภัยแล้ง” เราคงได้เห็นผ่านสื่อต่างๆ ที่อำเภอ “สองพี่น้อง” เกิดศึกแย่งชิงน้ำระหว่างชาวบ้าน “ต้นน้ำ” และ “ปลายน้ำ” ชาวบ้าน ต.สระยายโสม อำเภออู่ทอง จ.สุพรรณบุรี บุกเข้าไปทุบทำลายประตูเก็บกักน้ำคลองชลประทานของบ้านเขาพนมนาง-หนองยายทรัพย์ ต.หนองบ่อ อ.สองพี่น้อง ซึ่งอยู่ “ต้นน้ำ” ได้รับความเสียหาย เพราะต้องการให้น้ำไหลเข้าสู่พื้นที่ตนเอง เนื่องจากชาวบ้าน “ต้นน้ำ” ได้ปิดประตูกักเก็บน้ำเกษตร ทำให้นาข้าวเสียหาย สูญเสียทางเศรษฐกิจ กรณีนี้นายอำเภอสองพี่น้อง วิศิษฐ์ อนันต์วรปัญญา ไกล่เกลี่ย ทำความเข้าใจกัน ยุติขัดแย้ง ในฐานะคนบ้านเดียวกันสร้างสัญญาใจว่า ทุกคนทุกฝ่ายจะมีน้ำใจ แบ่งปันและใช้น้ำร่วมกัน เพื่อสู้วิกฤตและผ่านพ้นภัยแล้งไปด้วยดี

Advertisement

ถึงวันนี้ ภัยแล้งแพร่กระจายไปทั่วประเทศ ต้นไม้ เหี่ยวแห้ง บางต้นยืนตายคาต้น อย่าหวังเลยจะเห็น “น้ำ” คลื่นน้ำในท้องทุ่งนา แต่ก่อนนี้ 30 ปีเศษ จะเห็น “น้ำ” ลอยล่องผันน้ำเข้าคลองซอย หรือที่เรียกว่าคลองไส้ไก่จะแห้งผาด แล้งจริงๆ บางแห่งดูดน้ำใต้ดินที่เรียกว่าน้ำบาดาลขึ้นมา บางแห่งใช้น้ำประปาแจกจ่าย ประเด็นคือ จะดูดน้ำใช้ได้นานแค่ไหน? น้ำใต้ดินระดับจะลึกลงเรื่อยๆ แล้วอนาคตจะเป็นอย่างไร? ภัยแล้ง เริ่มส่งผลกระทบให้เห็น โดยเฉพาะเกษตรกร ซึ่งเป็น “ฐานราก” สำคัญของประเทศ หากวิกฤตนี้ลุกลามยังภาคส่วนอื่นๆ เช่น หอพักนักเรียนโรงเรียน มหาวิทยาลัยต่างๆ โรงงานอุตสาหกรรมขาดน้ำเพื่ออุตสาหกรรม น้ำเพื่ออุปโภค บริโภค ขาดแคลนมากๆ จะส่งผลกระทบ ไม่ว่าด้านเศรษฐกิจ ด้านสิ่งแวดล้อม ด้านสังคม ก็น่าหวั่นวิตกยิ่ง

ผู้เขียนเชื่อว่า รัฐบาลพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา และหน่วยงานภาครัฐมีศักยภาพ พร้อมเผชิญแก้ไขทุกปัญหา แต่ความสำเร็จจะไม่เกิดขึ้น ถ้าขาดความร่วมมือจากภาคส่วนต่างๆ ปันน้ำใจ สลัดทุกข์ สร้างสุข โดยประชาชนและทุกภาคส่วนร่วมด้วยช่วยกัน ซึ่งอุปสรรคสำคัญคือ “ความคิดคน” หากยังคิดยึดติดแบบเดิมๆ ทำแบบเก่าไม่ยอมปรับเปลี่ยนตามยุคสมัย วิกฤตนี้อาจเป็นยิ่งกว่าวิกฤตก็ได้

ตัวแปรภายนอก นอกเหนือความ “ควบคุมของรัฐบาล” คือ เศรษฐกิจทั่วโลก โดยเฉพาะประเทศคู่ค้าของไทยรายใหญ่ 3 พี่เบิ้ม “ปัญหาเศรษฐกิจฟื้นตัว” ยังห่างไกล อเมริกาก็ยังไม่ฟื้น ญี่ปุ่นการเติบโตของเศรษฐกิจก็ยังติดลบ จีนส่งออกเดือนกุมภาพันธ์ติดลบ 25% อ่วมที่สุด…ไม่พบแสงสว่างแห่งการฟื้นตัวเศรษฐกิจ…แม้กระเป๋าคนละใบ แต่กระทบกระเป๋าไทยด้วย พอ “จีน” มีอาการ “ฟุบแฟบ” ภาคส่งออกไทยถูกฉุดตามไปด้วย ถึง -8.9% ปีที่แล้วหืดขึ้นคอ ปีนี้ 2559 อาจจะหนักยิ่งกว่าเสียอีก…ภัยเศรษฐกิจเป็นสัญญาณอันตราย หรือ “สายล่อฟ้า” หากฟุบจมดิ่ง จนเกิด “ข้าวยากหมากแพง” “คนตกงานมากขึ้น” ความโกลาหล ปัญหาทางสังคม ขโมย โจรจะผุดเต็มบ้าน อาชญากรรมจะพุ่ง…

นั้นเป็นวิกฤตอย่างแรกของดาวมฤตยูเข้าทับดวงเมือง ขอให้โชคดีเกิดสิ่งดีๆ พ้นภัยร้ายต่างๆ

2.เรื่องวงการสงฆ์ : ในประเด็นการนำเสนอชื่อ “สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์” หรือ “สมเด็จช่วง” เจ้าอาวาสวัดปากถ้ำ ภาษีเจริญ เพื่อนำขึ้นทูลเกล้าฯ สถาปนาเป็น “สมเด็จพระสังฆราชองค์ที่ 20” ซึ่งมีทั้งฝ่ายหนุน ฝ่ายต้าน ออกมาเคลื่อนไหวกดดัน ขณะที่ก่อนหน้านี้ ผู้ตรวจการแผ่นดินก็มีมติว่า การเสนอชื่อสมเด็จพระสังฆราชของมหาเถรสมาคม (มส.) ทำผิดขั้นตอน ซึ่งสอดรับกันเป็นปี่เป็นขลุ่ยกับพลเอก ประยุทธ จันทร์โอชา และหัวหน้ารักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่ออกมาตอกย้ำจะไม่มีการเสนอชื่อแต่งตั้งสมเด็จพระสังฆราช จนกว่าคดีความต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ประเด็นต่างๆ ที่ดีเอสไอ แห่งกระทรวงยุติธรรมเปิดเผยถึงกรณีเรื่อง รถเบนซ์หรูโบราณมีปัญหาทางกฎหมาย ซึ่งจะมีการให้ปากคำสอบสวนตลอด มี.ค. 59 ณ วัดปากถ้ำ กว่าจะได้ข้อยุติ คงใช้เวลาแต่พร้อมอาจจะเกิดเหตุการณ์ปะทุขึ้นได้

3.เรื่องอีไอเอ (EIA) : การประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม 46 องค์กร โดยเฉพาะนายบัณฑูร เศรษฐศิโรตม์ อดีต สปท. ในฐานะ ผอ.สถาบันธรรมรัฐเพื่อการพัฒนาสังคมและสิ่งแวดล้อม พร้อมด้วยนายศศิน เฉลิมลาภ เลขาธิการมูลนิธิสืบนาคะเสถียร ร่วมออกแถลงการณ์ต้านคำสั่ง คสช. ที่ 9/2559 ม.44 เมื่อ 7 มีนาคม 2559 เรื่องการแก้ไขเพิ่มเติมว่าด้วยการส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมที่เป็นช่องทางให้กิจการด้านคมนาคม/ขนส่ง/ชลประทาน/การป้องกันสาธารณภัย/โรงพยาบาล/หรือที่อยู่อาศัย ไม่ต้องรอให้การประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) แล้วเสร็จ โดยให้สามารถหาทางออก ดำเนินโครงการไปได้ก่อน ซึ่งจะมีผลกระทบต่อสังคมได้เป็นวงกว้าง ถ้าเกิดแล้วอาจจะยากต่อการควบคุม

ประเด็นนี้จะสร้างความขัดแย้ง : และความไม่เชื่อถือยอมรับจากประชาชนอย่างรุนแรง กลุ่ม 46 องค์กร ขอเรียกร้องให้ คสช.ยกเลิก ต้องติดตามว่าเรื่องนี้ Happy ending หรือไม่? หรือจะไปจุดชนวนอีก 1 ดอก

4.กรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินคดีกับ “พลเรือเอก พะจุณณ์ ตามประทีป” คนใกล้ชิด พลเอก เปรม ติณสูลานนท์ กับการมีข่าวคราว เรียกเงินเรียกทองการแต่งตั้งของวงการตำรวจ ข้อเท็จจริงขัดแย้งระหว่างคู่กรณีข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร นับเป็นศึกใหญ่ประมาณศึก “ช้างชนช้าง” ต้องติดตามอย่ากะพริบตา

5.เรื่องรัฐธรรมนูญฉบับปราบโกงของ ของ “ท่านมีชัย ฤชุพันธุ์” อยู่ระหว่างการปรับแก้ให้ทันแล้วเสร็จภายในวันที่ 29 มีนาคม 2559 เป็นวัน Dead line ต้องส่งต่อไม้ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง กกต.ไปทำประชามติในช่วงปลายกรกฎาคม ที่ขณะนี้เริ่มมีการปลุกกระแสรณรงค์ต่อต้านไม่รับร่างรัฐธรรมนูญ ถล่มปมร้อนฉ่าประเด็นแรก : เรื่องการเปิดช่องโหว่นายกฯคนนอก ประเด็นสอง : เรื่องระบบเลือกตั้งการจัดสรรปันส่วนผสม ประเด็นที่สาม : เรื่องข้อเสนอของรัฐบาลและ คสช.ที่ให้ใช้ “รัฐธรรมนูญ” แบบเครื่องยนต์มอเตอร์ไซค์ 2 จังหวะ ประเด็นสุดท้ายล่าสุดคือ ให้มี ส.ว.ลากตั้ง 250 คนทั้งหมด ดูแลประเทศในช่วงเปลี่ยนผ่าน 5 ปี ซึ่งบ่งบอกกันตรงๆ นั่นคือ “การสืบทอดอำนาจ” อย่างสุดซอย ซึ่งท้ายสุดหากร่างรัฐธรรมนูญคลอดออกมาโดยที่เสียงส่วนใหญ่ไม่ยอมรับ…อันเป็นชนวนนำไปสู่ความวุ่นวายต่างๆ จะปะทุขึ้นอย่างไม่จบสิ้น ฤๅ! จะเหมือนการร่างและใช้รัฐธรรมนูญปี 2534 เกิดจากการปฏิวัติของ “รสช.” นำไปสู่การเลือกตั้ง ส.ส. ในปี 2535 โดยมีรัฐบาลของพลเอก สุจินดา คราประยูร เป็นนายกรัฐมนตรี แล้วเกิดการนองเลือด “พฤษภาทมิฬ” ระวังจะเป็นประวัติศาสตร์ซ้ำรอย

ถ้าหากนับจากนี้ต่อไป จนถึงวันที่ 7 เดือนสิงหาคม อีก 5-6 เดือน จะมีการลงประชามติอย่างแน่นอน ส่งผลให้มีการเลือกตั้ง ส.ส. กลางปีหรือปลายปี 2560 ต้องจับตา 5 ปมร้อนที่พร้อมจะระเบิดได้ตลอดเวลา ล้อไปกับคำทำนายกาลวิบัติ “ราหูอมดวงเมือง” หรือ “ฤทธิ์” ดาวมฤตยู แม้แต่ผู้นำของประเทศ ท่านยังเอ่ยปากว่าเป็นความเชื่อของส่วนบุคคล ที่ไม่ควรดูหมิ่นดูแคลน หลังจากนี้จะตั้งใจสวดมนต์ ทำความดีและขอให้ประชาชนช่วยกันประคับประคองสนับสนุนการทำงานของ “เรือแป๊ะ” ให้แล่นโต้คลื่นได้อย่างสะดวกปลอดภัย อันนำไปสู่ความสงบสุขของบ้านเมือง และคนไทยทั้งชาติด้วยนะครับ

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image