ว่าด้วยกำลังและความพ่ายแพ้ โดย โกวิท วงศ์สุรวัฒน์

โกวิท วงศ์สุรวัฒน์(แฟ้มภาพ)

ผู้เขียนไปเยี่ยมคำนับสุสานเจ้าพระยาบวรราชนายก (เฉก อะหมัด) ปฐมจุฬาราชมนตรี ผู้เป็นต้นสกุลบุนนาคที่ตั้งอยู่ในบริเวณมหาวิทยาลัยราชภัฏพระนครศรีอยุธยาเมื่อไม่นานมานี้ และถือโอกาสเข้าไปใช้บริการของห้องสมุดที่ทันสมัยและกว้างขวางร่มรื่นของมหาวิทยาลัยราชภัฏพระนครศรีอยุธยาด้วย โดยผู้เขียนได้เรียนรู้การใช้ห้องสมุดสมัยใหม่ในชั้นล่างของห้องสมุดที่ไม่ค่อยมีหนังสือเท่าไรนัก เพราะเป็นการใช้ระบบคอมพิวเตอร์และอี-บุ๊กเป็นหลัก แต่เมื่อผู้เขียนได้ขึ้นไปบนชั้น 2-3-4 ของห้องสมุด ก็พบกับห้องสมุดอย่างที่ผู้เขียนคุ้นเคยคือมีหนังสือนานาชนิดจัดอยู่อย่างเป็นหมวดหมู่ พร้อมที่นั่งอ่านหนังสือ รวมทั้งห้องพิเศษที่ให้นักศึกษาเข้าไปทำงานค้นคว้าปรึกษาหารือกันเป็นกลุ่มๆ ได้อยู่หลายห้อง

ผู้เขียนติดใจตู้กระจกไม้ทาสีทองที่บรรจุพระไตรปิฎกภาษาไทยฉบับสังคายนาในพระบรมราชูปถัมภ์ 45 เล่ม จึงเข้าไปเปิดตู้หยิบออกมาอ่านทบทวนในเรื่องที่ผู้เขียนเคยติดอกติดใจเมื่อหลายสิบปีก่อนที่มีอยู่ 2 เรื่อง ซึ่งขอแชร์กับท่านผู้อ่านที่เคารพด้วยคือ

เรื่องแรก : ปฐมพลสูตร สุตันตปิฎก อังคุตรนิกาย อัฏฐนิบาต เล่ม 23 หน้า 251 ท่านอธิบายถึงที่มาของกำลัง 8 ประการของคน 8 จำพวก พูดง่ายๆ คือ คน 8 ประเภทนี้เอากำลังอำนาจมาจากไหน (กำลังอำนาจคือสามารถบังคับให้ผู้อื่นทำตามที่ผู้มีกำลังอำนาจปรารถนาได้นั่นเอง) คน 8 จำพวกนี้คือ

1.ทารกมีการร้องไห้เป็นกำลัง อธิบายง่ายๆ เลยคือกำลังอำนาจของทารกนั้นมาจากการร้องไห้โดยแท้ คือพอร้องไห้ขึ้นมา บรรดาผู้ใหญ่โดยเฉพาะแม่ พ่อก็ต้องวิ่งวุ่นสนองความต้องการของทารกจนเป็นที่พอใจของทารกเลยละ ข้อนี้น่าคิดนะครับ

Advertisement

2.มาตุคาม (ผู้หญิง) มีความโกรธเป็นกำลัง อันนี้ตรงกับที่ William Shakespeare เขียนไว้ว่า “Hell hath no fury like a woman scorned.” ซึ่งเชกสเปียร์ เขียนทีหลังคำสอนของพระพุทธเจ้าตั้งนาน สำหรับท่านผู้อ่านผู้ชายที่มีอายุมากแล้ว ผ่านร้อนผ่านหนาวมานานต้องเข้าใจทุกคนว่าเวลาสุภาพสตรีโกรธขึ้นแล้ว อะไรจะเกิดขึ้น ไม่ยังงั้นผู้ชายจะกลัวเมียกันหรือครับ

3.โจรมีอาวุธเป็นกำลัง ความจริงข้อนี้ประจักษ์แจ้งในตัวของมันอยู่แล้ว ไม่ต้องอธิบายอะไรก็ได้

4.พระราชามีอิสริยยศเป็นกำลัง ข้อนี้ก็ชัดแจ้งอยู่ในตัวของมันอยู่แล้วเช่นกัน

Advertisement

5.คนพาลมีการเพ่งโทษผู้อื่นเป็นกำลัง อันนี้เห็นจะต้องสารภาพละครับว่า เมื่ออ่านถึงตรงนี้แล้วก็สะดุ้งผวาเหมือนกันเพราะเพิ่งรู้ตัวว่าตัวเองก็เป็นคนพาลเหมือนกัน เนื่องจากว่าเคยแต่เชื่อว่าตัวเองเป็นคนดี แหะๆ !

6.บัณฑิตมีการไม่เพ่งโทษเป็นกำลัง ครับ ! บรรดาปริญญาชนที่เป็นบัณฑิต (ปริญญาตรี) มหาบัณฑิต (ปริญญาโท) ดุษฎีบัณฑิต (ปริญญาเอก) ระวังดีๆ นะครับ มิน่าละพวกนักวิชาการบ้านเราถึงอ่อนปวกเปียกกันเนื่องจากไม่ค่อยจะมีกำลังนี่เองเพราะมัวแต่ไปเพ่งโทษผู้อื่นเสียหมด

7.พหูสูตบุคคลมีการพิจารณาเป็นกำลัง อันนี้คือพวกคนรู้รอบ รอบรู้ต้องหมั่นพินิจพิจารณา ไม่ใช่ปากไวกว่าความคิด (พวกนี้คงออกโทรทัศน์เมืองไทยไม่ได้)

8.สมณพราหมณ์มีขันติเป็นกำลัง นักบวชต้องมีความอดทนเป็นกำลัง เฮ้อ ! ก็ต้องอดทนเยอะละครับการเป็นนักบวชนี่ เนื่องต้องขอเขากินนี่ครับ ขอไม่ได้ก็ต้องอดบ้าง นอกจากนี้ เป็นนักบวชจะมีครอบครัวเหมือนคนธรรมดาย่อมไม่ได้ ต้องอดทนเยอะครับ ถ้าไม่อดทนก็โดนจับสึกดังนั้น เรื่องนักบวชต้องมีความอดทนเป็นกำลังนี่เรื่องจริงแท้เลยนะครับ

คราวนี้มาเรื่องที่สองครับเป็น “ปราภวสูตร” ก็คือสูตรของการปราชัย พูดง่ายๆ ว่าใครอยากจะแพ้ภัยตัวเองหรือไม่ต้องการแพ้ภัยตนเองก็ต้องอ่านพระสูตรนี้ อยู่ในพระไตรปิฎกเล่ม 25 หน้า 437-442 มี 12 ข้อ คือ

1.ผู้เกลียดธรรม ตีความกันก็คือผู้ที่ชอบฝืนธรรมชาตินั่นแหละครับ ซึ่งนับรวมถึงผู้ที่พ้นสมัยแล้วไม่ยอมปรับตัวเข้ากับยุคสมัยด้วย

2.คนหลงเชื่อคำสอนของอสัตบุรุษ (อสัตบุรุษ เป็นคนพาล แต่มีความสำคัญว่าตนเป็นบัณฑิตในโลก คนเช่นนั้นพึงกระทำบาปเองก็ได้ พึงชักชวนผู้อื่นให้กระทำก็ได้ ความคลุกคลีด้วย อสัตบุรุษมีทุกข์เป็นที่สุด มีผลเผ็ดร้อนเป็นกำไร อ้างในพระไตรปิฎก เล่มที่ 28 หน้าที่ 13-18

3.เกียจคร้าน ไม่ต้องอธิบายนะครับ

4.ผู้ไม่ยอมเลี้ยงดูบิดามารดาผู้แก่ชรา (ยกเว้นบุตรไร้ความสามารถ)

5.คนชอบหลอกลวงตั้งแต่หลอกคนจน หลอกผู้โง่เขลา จนถึงหลอกสมณพราหมณ์ จัดเป็นชั่วเหมือนกันนำไปสู่ความปราชัยทั้งสิ้น ไม่ใช่ว่าหลอกคนฉลาดหรือหลอกคนดีแล้วผิดมากกว่านะครับ

6.คนมีทรัพย์แต่แอบกินของอร่อยคนเดียว ข้อนี้ชัดนะครับคือความตระหนี่นั่นเอง เพื่อนฝูงทะเลาะกันเรื่องหวงของกินนี่มีเยอะแล้ว ซึ่งตรงข้ามกับคำที่ว่า “ผู้ให้ย่อมผูกไมตรีไว้ได้”

7.ผู้เย่อหยิ่งในชาติกำเนิด ในทรัพย์สิน ในวงศ์ตระกูล ชอบดูถูกหมิ่นญาติพี่น้อง ข้อนี้ชัดอีกเหมือนกัน ความจริงก็คนเหมือนกันทั้งนั้น ทำไมต้องดูถูกดูแคลนคนอื่นกันด้วย

8.เป็นนักเลงผู้หญิง นักเลงสุรา นักเลงการพนัน เป็นอย่างใดอย่างหนึ่งก็แพ้ภัยตัวเองแน่นอน ของแพงๆ ทั้งนั้นเลยพาไปสู่ความฉิบหายทั้งนั้น

9.ไม่พอใจเพียงภรรยาของตน ชอบคบชู้สู่สาวภรรยาของคนอื่น ข้อนี้นอกจากจะแพ้ภัยตนเองแล้วยังจะโดนสามีเขาฆ่าเอาได้ง่ายๆ อันตราย

จังเลย

10.ข้อนี้สำคัญมากครับ คือคนแก่ได้ภรรยาสาวมีความหึงหวงมักนอนไม่ค่อยหลับ ตรงนี้ขอใส่คำบาลีเพื่อเพิ่มความขลังหน่อยนะครับ อะตีตะโยพพะโน โปโส อาเนติ ติมพะรุตถะนิง

ตัสสา อิสสา นะ สุปปติ ตัง ปะราภะวะโต มุขัง

คำแปล : ชายใดผู้ถึงวัยแก่เฒ่าชราแล้ว, ได้นำหญิงสาวแรกรุ่นมาเป็นภรรยา, เขานอนไม่หลับเพราะความหึงหวงและห่วงอาลัยในหญิงนั้น ข้อนั้นเป็นทางแห่งความเสื่อม

11.ตั้งหญิง/ชายที่เป็นนักเลงใช้จ่ายฟุ่มเฟือยเป็นผู้บังคับบัญชา

12.เกิดในขัตติยตระกูล มักใหญ่ใฝ่สูง แต่มีทรัพย์สมบัติน้อยไม่พอแก่การใช้จ่ายในการใหญ่ (มีกำลังไม่พออย่าคิดการใหญ่) แหม ! ข้อนี้ก็วิเศษจังแบบว่าไม่มีสตางค์เยอะๆ ก็อย่าริเล่นการเมืองเลย นั่นแหละ

ปราภวสูตรนี้นับเป็นส่วนต่อขยายจากมงคลสูตรแต่ไม่ค่อยได้รับความสนใจจากพุทธศาสนิกชนมากนัก สำหรับผู้เขียนออกจะชอบข้อที่ 10 นั่นแหละครับ เพราะต้องเตือนตัวเองอยู่เสมอนั่นเอง

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image