สีสัน การเมือง หลัง เป็น นักการเมือง สีสัน จาก คสช.

ถามว่า คำเตือนจาก คสช.ในเรื่องให้ระมัดระวังในการเคลื่อนไหวอันอาจจะทำลายบรรยากาศการขับเคลื่อนโรดแมปที่กำลังก้าวไปสู่ “การเลือกตั้ง”

ก่อให้เกิดอาการงันชะงักทางการเมืองหรือไม่

หากดูจากการอภิปรายของ นายวีระ สมความคิด และ นายศรีสุวรรณ จรรยา ตลอดจนการเดินแจกปฏิทินในงานวันเด็กของ นายเอกชัย หงส์กังวาน

ตอบได้เลยว่า ไม่ระคายผิว

Advertisement

ยิ่งหากติดตามน้ำเสียงจากการตอบโต้อย่างฉับพลันทันใดจาก นายสาธิต ปิตุเตชะ แห่งพรรคประชาธิปัตย์ และ นายสามารถ แก้วมีชัย จากพรรคเพื่อไทย

ยิ่งตอบได้เลยว่า “นักการเมือง” ไม่หวั่นไหว

ความพยายามที่จะงัดเอา พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์มาเพื่อหยุดยั้งการขุดคุ้ยในเรื่องนาฬิกา ความพยายามที่จะปิดปากนักการเมืองในเรื่อง “ประชาธิปไตยไทยนิยม” ไม่ WORK

Advertisement

ดูเหมือนจะไม่มีใครกลัวใคร

ต้องยอมรับว่า สังคมได้ผ่านเดือนพฤษภาคม 2557 มาแล้ว 3 ปี และเดือนพฤษภาคม 2561 ก็กำลังจะมาถึงในอีกไม่กี่วันข้างหน้า

บรรยากาศในแบบ “ขอนแก่นโมเดล” ไม่น่าจะมีขึ้นอีก

บรรยากาศการส่งรถฮัมวีไปอยู่หน้าบ้าน นายวัฒนา เมืองสุข ไปเฝ้าบ้าน นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ อาจจะแลดูไม่งดงามเท่าใดนัก

โดยเฉพาะในวันที่ “สิทธิมนุษยชน” เป็น “วาระแห่งชาติ”

ยิ่งเมื่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ประกาศตนเป็น “นักการเมือง” และพร้อมที่จะเข้าดำรงตำแหน่งเป็น “นายกรัฐมนตรี” ภายหลังการเลือกตั้ง

ยิ่งทำให้บนท้องนภา “การเมือง” มากด้วยสีรุ้ง

การดำรงอยู่ของคำสั่งหัวหน้า คสช. ไม่ว่าจะเป็นฉบับที่ 57/2557 ไม่ว่าจะเป็นฉบับที่ 53/2560 เริ่มมีลักษณะ “แปลกแยก แตกสภาวะ” อย่างเด่นชัด

แทบไม่ต้องถามถึงเรื่อง “ปรับทัศนคติ”

แม้รูปแบบและโครงสร้าง “ประชาธิปไตยไทยนิยม” จะให้ภาพของการเมืองภายใต้โครงครอบแห่งมาตรา 44 ภายใต้การใช้กองทัพเป็นเครื่องมืออย่างแข็งขัน

แต่ก็มิได้หมายความว่าจะดำเนินไปอย่าง “ผูกขาด”

ในเมื่อแม้กระทั่งนักการเมืองอย่างคนในตระกูลบางตระกูลซึ่งเป็นเจ้าของสนามกอล์ฟยังได้รับการเยี่ยมเยือนอย่างสันถวมิตรสนิทสนม

ในเมื่องบประมาณไม่ต่ำกว่า 5,000 ล้านยังเทลงไปในบางจังหวัด

ในเมื่อการเดินสายพบนักการเมืองตั้งแต่จังหวัดสุพรรณบุรี ยันจังหวัดนครราชสีมา ยันจังหวัดสุโขทัย กลายเป็นเรื่องธรรมดาอย่างปกติ

แล้วทำไมต้องห้ามพรรคการเมืองเคลื่อนไหวด้วยเล่า

ความหวังที่จะอาศัยบรรยากาศส่งกองกำลังเข้าประชิดตัวแบบในห้วง “ประชามติ” อาจไม่ราบรื่นเท่าใดนักเมื่อถึง “การเลือกตั้ง” เพราะนักการเมืองและพรรคการเมืองคงไม่ยอมเป็น “เป้านิ่ง”

ขณะที่หากจะหวนกลับไปใช้อำนาจอย่างเบ็ดเสร็จเหมือนกับในห้วงหลังรัฐประหารเมื่อเดือนพฤษภาคม 2557 ก็ไม่ง่ายเหมือนปอกกล้วยเข้าปาก

เวลา 3 ปีที่ผ่านมาจึงไม่เพียงแต่ทำให้พรรคการเมืองได้บทเรียนอย่างมหาศาล หากแต่ภาพของ คสช.ก็โดดเด่นท่ามกลางแสงแห่งสปอตไลต์เหมือนกัน

คำด่า “นักการเมือง” อาจเบาลงไป

จะหนักได้อย่างไรเพราะเพิ่งเดินสายไปร่วมสังสรรค์ ไม่ว่าที่สุโขทัย ไม่ว่าที่นครราชสีมา และโดยเฉพาะอย่างยิ่งที่สนามกอล์ฟนครปฐม

ทุกคนก็ล้วนเป็น “นักการเมือง” เหมือนกัน มิใช่หรือ

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image