จับตาฝีมือ”บิ๊กตู่” โต้คลื่นขยับโรดแมป ฝ่ามรสุม”กองหนุน”

มาถึงบัดนี้ การบริหารราชการแผ่นดินภายใต้การนำของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เริ่มปรากฏปัญหาจาก “ภายใน”

ไม่ใช่ปัญหาจาก “กลุ่มการเมือง” ที่ คสช.มักจะบอกว่า“ยังมีความเคลื่อนไหว”

ไม่ใช่ปัญหาเศรษฐกิจที่รัฐบาลกำลังมุ่งมั่นปูพรมทั้งงบประมาณและกำลังคนลงไปในพื้นที่

หากแต่เป็นปัญหาอื่นๆ ที่อาจจะทำให้รัฐบาลสะดุดได้ตลอดเวลา

Advertisement

บ้างเป็นปัญหาทางเทคนิคกฎหมาย บ้างเป็นปัญหาความแคลงใจเรื่องความโปร่งใส

บ้างเป็นปัญหาที่ทำให้ “กองหนุน” ขัดใจ

โดยเฉพาะปัญหา “กองหนุน” นี้ นำไปสู่ปัญหาอื่นๆ ที่รุมเร้าเข้าใส่รัฐบาลแบบไม่ยั้ง

Advertisement

ประเด็นปัญหา “กองหนุน” จัดอยู่ในกลุ่มปัญหาภายใน เกิดจากกลุ่มที่เคยเชียร์ กลับมารุมต้าน

กองหนุนส่วนหนึ่งย่อมถอยห่างเมื่อปรากฏว่า ความคาดหวังเรื่องการปฏิรูปไม่เป็นไปตามฝัน

กองหนุนส่วนหนึ่งย่อมถอยห่างเมื่อผลประโยชน์ที่มีอยู่จำกัด ไม่ตกไปอยู่ในมือ

บางคนหลุดพ้นจากตำแหน่ง บางคนหลุดพ้นจากหน้าที่ บางคนตกอยู่ในกลุ่มที่ถูกกระทำ

และบางคนมีความมุ่งหมายแต่เดิมกับบุคคลระดับ “บิ๊ก” ในรัฐบาล

แต่ที่ผ่านมาชื่อ “ทักษิณ ชินวัตร” ยังเป็นอริร่วม

วันนี้ชื่อ “ทักษิณ ชินวัตร” เงียบหายก็ถึงเวลาที่จะทำตามเป้าหมาย

ดังนั้น ในระยะหลังจึงเห็นความเคลื่อนไหวของ “กองหนุน” ออกอาการ “ไม่หนุน”

 

เป้าหมายหลักที่โดนถล่มอยู่ในขณะนี้เห็นจะเป็น พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม

ประเด็นเรื่องนาฬิกาหรูยังคงเป็นเรื่องฮอต

แม้ พล.อ.ประวิตรจะชี้แจง ป.ป.ช.ไปว่า นาฬิกาดังกล่าวเป็นของเพื่อนที่ให้ยืมใส่ และได้คืนไปหมดแล้ว

หากแต่เรื่องการพิจารณาก็ยังอยู่ในสำนวนของ ป.ป.ช.

น่าสังเกตว่าระยะนี้ คณะกรรมการ ป.ป.ช.เองก็มีประเด็นให้วิพากษ์วิจารณ์

หลังจาก สนช.มีมติ “ไม่รีเซต” ป.ป.ช.จำนวนหนึ่งที่ทาง กรธ.มองว่าขาดคุณสมบัติ ก็ปรากฏมี สนช.อีกกลุ่มหนึ่งยื่นร้องศาลรัฐธรรมนูญ

ไม่ทราบว่า ป.ป.ช.ที่อาจมีปัญหาเรื่องคุณสมบัติคือใคร

แต่ข่าววงในกระซิบว่า เรื่องคุณสมบัติของ ป.ป.ช.อาจมีผลต่อคดีนาฬิกาหรูด้วย

ดังนั้น ความเคลื่อนไหวของ สนช. กรณียื่นตีความ พ.ร.ป.ป.ป.ช.นี้

จึงน่าเฝ้าติดตาม

ขณะเดียวกัน การพิจารณาร่างกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญอีก 2 ฉบับ ซึ่งหากพิจารณาเสร็จจะเข้าสู่โค้งสุดท้ายก่อนเลือกตั้ง

นั่นคือ หากมีการประกาศใช้กฎหมาย กกต. ประกาศใช้กฎหมายพรรคการเมือง ประกาศใช้กฎหมายเลือกตั้ง ส.ส. และกฎหมายการได้มาซึ่ง ส.ว.แล้ว

การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นภายใน 150 วัน

แต่แล้วก็มีกระแสข่าวรั่วไหล ระบุว่าร่าง พ.ร.ป.การเลือกตั้ง ส.ส.นั้นมีการแก้ไข

แก้ไขให้เวลาการบังคับใช้ขยายออกไปอีก 90 วัน

เท่ากับว่าแม้กฎหมายลูกตามที่รัฐธรรมนูญกำหนดจะผ่านการพิจารณาของ สนช.ไปแล้ว

แต่ก็ต้องรอเวลาไปอีก 90 วัน

เท่ากับว่าระยะเวลาจัดการเลือกตั้งต้องรอไปอีก 90 วันถึงจะเริ่มนับถอยหลัง 150 วัน

เมื่อการกำหนดกฎหมายเป็นเช่นนี้ ย่อมส่งผลกระทบต่อโรดแมปเลือกตั้ง

 

พลันที่กระแสข่าวขยายเวลาการใช้กฎหมายเลือกตั้ง ส.ส.ออกไปอีก 90 วัน พรรคการเมืองแต่ละพรรคก็เคลื่อนไหว

พรรคประชาธิปัตย์ที่เคยเชียร์การปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง ออกมาวิพากษ์วิจารณ์ว่า การทำเช่นนั้นเพื่อ “ยืดอายุ”

พรรคเพื่อไทยนั้นคัดค้านมาตั้งแต่แรก เพราะเป็นพรรคแกนนำรัฐบาลที่ถูก คสช.รัฐประหาร

ขณะที่การข่าวยังไม่แน่ชัดว่าจะมีข้อเสนอเรื่องขยายเวลาการบังคับใช้กฎหมายออกไปหรือไม่

แต่บรรดาเสียงจากรอบทิศล้วนมอง คสช.และรัฐบาลออกไปในทางลบ

ลบจนกระทั่ง นายเสรี สุวรรณภานนท์ สนช. ออกมาแก้ต่างให้ว่า เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับรัฐบาลและคสช.

เป็นเรื่องของ สนช.ล้วนๆ

สิ่งที่น่าสนใจก็คือ เมื่อ พล.อ.ประวิตรชี้แจงกรณีนาฬิกาหรูผ่านทางสื่อออกไป เสียงตอบรับกลับกลายเป็นลบ

มิได้เป็นลบเฉพาะในประเทศ หากแต่อดีตทูตอังกฤษประจำประเทศไทยก็โพสต์ข้อความแสดงความสงสัย

บัดนี้ข่าวเรื่องนาฬิกาของ พล.อ.ประวิตรจึงกระจายออกไปสู่สากลเป็นที่เรียบร้อย

นอกจากนี้ ข่าวคราวเรื่องการขยายเวลาประกาศใช้ พ.ร.ป.เลือกตั้ง ส.ส.ที่ดังขึ้นก็ทำให้เสียงที่ประดังเข้ามาล้วนแต่เป็นลบต่อรัฐบาลและ พล.อ.ประยุทธ์

ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นตอกย้ำให้เห็นชัดว่า รัฐบาลกำลังเดินเข้าสู่ขาลง

และยังมีร่องรอยให้เห็นว่า “กองหนุน” คสช.เองก็เริ่มมีขั้วมีฝ่าย

ทั้งหมดนี้กลายเป็นการบ้านของ พล.อ.ประยุทธ์

เพราะ พล.อ.ประยุทธ์คือผู้มีอำนาจเต็มในการบริหารประเทศในขณะนี้

พล.อ.ประยุทธ์เองก็เป็นหนึ่งในตัวละครที่เกี่ยวข้องกับการบริหารงานของประเทศในลำดับต่อไป

และ พล.อ.ประยุทธ์ก็เป็นคนที่นำพาประเทศไทยให้ก้าวมาถึงจุดนี้

จึงต้องรอดูฝีมือ พล.อ.ประยุทธ์รับมือกับมรสุม “กองหนุน”

ดูว่าจะนำรัฐนาวานี้ต่อไปกันอย่างไร

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image