| ผู้เขียน | สถานีคิดเลขที่ 12 |
|---|
เป็นจังหวะที่พอดิบพอดีที่ข่าวชัตดาวน์สหรัฐอเมริกากับคดีความชัตดาวน์กรุงเทพฯ หวนกลับมาเป็นประเด็นข่าวในเวลาใกล้เคียงกัน
เมื่อมีรายงานว่า อัยการสำนักงานอัยการคดีพิเศษเรียกผู้ต้องหาในสำนวนคดีพิเศษที่ 261/2556 หรือคดีร่วมกันเป็นกบฏในการชุมนุมของกลุ่ม กปปส.ที่มีนายสุเทพ เทือกสุบรรณ กับพวกรวม 57 คน เป็นผู้ต้องหามาเพื่อรายงานตัวเเละฟังคำสั่งคดี
ตรงกับวันที่สหรัฐเพิ่งยุติภาวะชัตดาวน์รอบใหม่ เป็นการจบเร็วกว่าครั้งก่อนมาก
ชัตดาวน์ 2018 หรือตรงกับ พ.ศ.2561 สถานที่ราชการปิดทำการไปได้เพียง 3 วัน ส่วนเมื่อปี 2556 ปิดไปนานถึง 16 วัน ขึ้นสถิติชัตดาวน์ยาวนานอันดับ 3 ในประวัติศาสตร์สหรัฐ
การปิดทำการสถานที่ราชการและหน่วยงานของรัฐในอเมริกาเป็นผลมาจากการเจรจาต่อรองไม่ลงตัวของสมาชิกรัฐสภาพรรคใหญ่สองพรรคในเรื่องงบประมาณ ดังนั้นถ้าร่างบัญญัติงบประมาณไม่ผ่านก็ต้องหยุดทำงานกันไปก่อนจนกว่าจะเจรจาต่อรองกันได้
สภาพการณ์นี้แม้ดูเหมือนว่าจะเป็นการเมืองที่ไม่ค่อยเรียบร้อยเท่าไรนัก แต่ก็อยู่ในกฎกติกาตามระบอบประชาธิปไตย
การชัตดาวน์สหรัฐเมื่อปี 2556 เกิดขึ้นจากการเจรจาไม่ลงตัวในเรื่องงบสวัสดิการสุขภาพหรือโอบามาแคร์ การงัดข้อในสภาครั้งนั้นทำให้สถานที่ราชการและเจ้าหน้าที่ของรัฐซึ่งไม่กระทบต่อความมั่นคงต้องหยุดทำการวันที่ 1-17 ต.ค.
เหตุการณ์ตอนนั้นกลายเป็นแรงบันดาลใจให้ผู้ประท้วงที่กรุงเทพฯ เลียนแบบมาใช้ชัตดาวน์กรุงเทพฯ หรือยุทธการยึดเมืองหลวงบ้าง เพื่อกดดันให้นายกรัฐมนตรีลาออก แม้จะมีการยุบสภาเพื่อเปิดทางให้มีการเลือกตั้งใหม่แล้วก็ยังไม่ยุติ
ความแตกต่างของการชัตดาวน์สหรัฐกับชัตดาวน์กรุงเทพฯ จึงอยู่ที่ขอบเขตของการต่อสู้และต่อรอง
แม้กรณีของสหรัฐจะมีพวกอนุรักษนิยมขวาเข้มข้นอย่างทีปาร์ตี้คอยหนุนสมาชิกสภาพรรครีพับลิกันอยู่ แต่สุดท้ายแล้วกระบวนการต่อสู้ทุกอย่างเกิดและดับอยู่ในสภา
ผิดกับชัตดาวน์กรุงเทพฯ ซึ่งใช้เสียงนกหวีดเป็นสัญลักษณ์ ดึงเอาสมาชิกในสภาออกมาอยู่นอกระบบ แม้ประกาศว่าต้องการเอาอำนาจอธิปไตยคืนกลับประชาชนให้ได้ แต่กลับปฏิเสธการเลือกตั้งที่เป็นหนทางคืนอำนาจตามระบอบประชาธิปไตย
อาการดึงดันที่จะชัตดาวน์กรุงเทพฯ นั้นไม่ปรากฏลักษณะของความพยายามที่จะต่อรองหาทางออก เพราะเมื่อนายกรัฐมนตรีสั่งยุบสภาแล้ว ถูกระงับการทำหน้าที่แล้ว หนทางที่ดีที่สุดและเป็นสันติวิธีคือนำความคิดเห็นที่แตกต่างกันนั้นลงไปสู้กันในสนามเลือกตั้ง
แต่ช่วงเวลานั้นกลับมีกระแสปลุกเร้าไม่ให้เคารพเสียงส่วนใหญ่ แต่ให้ฟังเสียงคนดี ทั้งที่ไม่มีมาตรฐานใดมาวัดได้ว่าใครกันที่เป็นคนดี
ดังนั้นชัตดาวน์กรุงเทพฯ จึงเป็นการนำชัตดาวน์สหรัฐมาดัดแปลงแบบไทยนิยม จนกติกาบิดเบี้ยวและนำไปสู่การเชื้อเชิญอำนาจนอกระบบรัฐสภาเข้ามา
มาถึงตอนนี้ถ้ายอมรับความผิดพลาดนี้ได้ ชัตดาวน์ก็จะยุติลงได้เช่นกัน
…………….
ชุมฉันท์ ชำนิประศาสน์
