เสร็จนา ฆ่าโค หรือ กัมมุนา วัตตตี โลโก

เวลา 09.20 น. 24 มกราคม 2561

นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการมูลนิธิ กปปส. ผู้ต้องหาที่ 1 พร้อมด้วยแกนนำนายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย อดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ผู้ต้องหาที่ 2

นายชุมพล จุลใส อดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ผู้ต้องหาที่ 3 นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ อดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ผู้ต้องหาที่ 4

นายอิสสระ สมชัย อดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ผู้ต้องหาที่ 5 นายวิทยา แก้วภราดัย อดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ผู้ต้องหาที่ 6

Advertisement

นายถาวร เสนเนียม อดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ผู้ต้องหาที่ 7 นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ อดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ผู้ต้องหาที่ 8

และ นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ อดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ผู้ต้องหาที่ 9

เดินทางมาถึงสำนักงานอัยการสูงสุดพร้อมรวมตัวกันเดินเข้าพบอัยการ เพื่อเข้ามอบตัวในข้อหาร่วมชุมนุมโดยผิดกฎหมาย

Advertisement

ร่วมกันเป็นกบฏ

ขัดขวางการเลือกตั้ง

และข้อหาอื่น

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายสุเทพมีสีหน้ายิ้มแย้ม โบกมือทักทายผู้คนในบริเวณ

และให้สัมภาษณ์ว่า เชื่อว่าอัยการสั่งฟ้องแน่นอน

พร้อมรับสภาพเป็นจำเลยตามกระบวนการยุติธรรม

โดยก่อนหน้านี้ นายสกลธี ภัททิยกุล อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร กรุงเทพมหานคร เขต 4 พรรคประชาธิปัตย์ โพสต์ข้อความทางเฟซบุ๊ก

กรณีที่มีข่าวอัยการจะสั่งฟ้องแกนนำ กปปส. ในคดีกบฏทั้งหมด ว่า

“ไม่เคยนึกเสียใจสิ่งที่ได้ทำไป

หากย้อนเวลากลับไปได้ก็จะทำอีก

สู้เข้าไปอย่าได้ถอย”

รายงานข่าวจากสำนักงานอัยการสูงสุดระบุว่า

อัยการสูงสุดมีความเห็นและเหตุผลตามที่คณะทำงานตามคำสั่งสำนักงานคดีพิเศษที่ 28/2560 เสนอ จึงมีความเห็นและคำสั่งดังนี้

1.สั่งฟ้องนายสุเทพ และพวกรวมทั้งหมด ในความผิดฐานร่วมกันเป็นกบฏยุยงให้เกิดความปั่นป่วนกระด้างกระเดื่องถึงขนาดจะก่อความไม่สงบในราชอาณาจักร

อั้งยี่ ซ่องโจร ร่วมกันบุกรุก ใช้กำลังประทุษร้ายโดยมีอาวุธ และขัดขวางการปฏิบัติงานของ กกต. ขัดขวางการเลือกตั้ง

ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 113, 116, 117, 209, 210, 215, 216, 362, 364, 365

และ พ.ร.ป.เลือกตั้ง ส.ส.และการได้มาซึ่ง ส.ว. 2550

2.เฉพาะ นายสุเทพ ผู้ต้องหาที่ 1 และนายชุมพล จุลใส ผู้ต้องหาที่ 3 นอกจากสั่งฟ้องตามข้อ 1

ให้สั่งฟ้องฐานร่วมกันก่อการร้าย ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 135/1, 83 เพิ่มเติมอีก

3.สั่งฟ้อง นายแก้วสรร อติโพธิ ผู้ต้องหาที่ 24 นายกิตติศักดิ์ ปรกติ ผู้ต้องหาที่ 27 นายไพบูลย์ นิติตะวัน ผู้ต้องหาที่ 30 นายพิภพ ธงไชย ผู้ต้องหาที่ 33 และ นายถวิล เปลี่ยนศรี ผู้ต้องหาที่ 58

ร่วมกันกระทำให้ปรากฏแก่ประชาชนด้วยวาจา หนังสือหรือวิธีอื่นใดอันมิใช่เป็นการกระทำภายในความมุ่งหมายแห่งรัฐธรรมนูญ หรือแสดงความคิดเห็นหรือติชมโดยสุจริต เพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในกฎหมายแผ่นดิน หรือรัฐบาล

และสนับสนุนความผิดตามข้อกล่าวหา ยุยงหรือจัดให้เกิดการร่วมกันหยุดงาน, อั้งยี่, ซ่องโจร, ร่วมกันบุกรุก ขัดขวางการปฏิบัติงานของ กกต.

ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 83, 86, 113, 116, 117, 209, 210, 215, 216, 362, 364, 365 พ.ร.ป.เลือกตั้ง ส.ส.และการได้มาซึ่ง ส.ว. 2550 มาตรา 76, 152

4.เฉพาะ นายนิติธร ล้ำเหลือ ผู้ต้องหาที่ 11, นายอุทัย ยอดมณี ผู้ต้องหาที่ 12 และ นายศิร โยธินภักดี หรือ นายอมร อมรรัตนานนท์ ผู้ต้องหาที่ 37 นอกจากสั่งฟ้องตามข้อ 1

ให้สั่งฟ้องร่วมกันทำให้เสียทรัพย์ เนื่องจากร่วมกันบุกรุกกระทรวงการต่างประเทศ

ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 83, 358 เพิ่มเติม

โดยคดีนี้มีผู้ต้องหา 58 ราย

สั่งไม่ฟ้อง 1 ราย อัยการยื่นฟ้องไปแล้ว 4 ราย

ความผิดถูกในทางคดี เป็นสิ่งที่กระบวนการยุติธรรมจะชี้ขาด

แต่ในทางการเมือง มีประเด็นพิจารณาว่า

นี่เป็นการดำเนินคดีไปตามปกติ ตามข้อเท็จจริง เหมือนคดีอื่นๆ ทั่วไป

หรือจะเป็นรายการ “เสร็จนาฆ่าโคถึก” เพื่อมิให้กลับมาปฏิบัติการเช่นเดียวกันอีกในอนาคต

ซึ่งกลุ่มผู้สนับสนุนนายสุเทพ และขบวนการ กปปส. มีแนวโน้มที่จะเชื่ออย่างหลัง

ขณะที่กลุ่มอื่นมีความเห็นว่า นี่คือกรณีที่ “สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม”

กรรม ที่แปลว่าการกระทำ

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image