ผู้เขียน | สถานีคิดเลขที่ 12 |
---|
ภาพยนตร์เรื่อง THE POST ที่คนในวงการสื่อมวลชนบอกกันว่าต้องไปดูให้ได้ สร้างจากเรื่องจริงของหนังสือพิมพ์วอชิงตันโพสต์ ตอนนี้กำลังฉายอยู่ในโรงหนังหลายแห่งทั่วกรุง แค่ชื่อชั้นดาราและผู้กำกับ ก็เรียกความสนใจได้มากมาย
ทั้ง เมอริล สตรีพ ที่รับบทนักหนังสือพิมพ์หญิง ในฐานะเจ้าของและบรรณาธิการผู้พิมพ์ผู้โฆษณา, มี ทอม แฮงค์ เป็นบรรณาธิการใหญ่คุมกอง บก. โดยมี สตีเวน สปีลเบิร์ก กำกับและอำนวยการสร้างภาพยนตร์เรื่องนี้
อาจจะเรียกว่าเป็นหนังบันทึกประวัติศาสตร์ของหนังสือพิมพ์รายวัน ที่สอดแทรกรายละเอียดได้ครบถ้วน ทั้งมุมของฝ่ายบริหารด้านธุรกิจหนังสือพิมพ์ การทำงานของกองบรรณาธิการ การเจาะหาข่าวลับของทีมนักข่าวมืออาชีพ
เหตุการณ์ในหนังเรื่องนี้ เกิดในยุคที่ผู้นำสหรัฐนำคนหนุ่มอเมริกันกระโจนเข้าไปตายในสงครามเวียดนาม ซึ่งเป็นหัวใจของเรื่อง คือ การเปิดโปงเอกสารลับเพนตากอน ที่บอกให้รู้ว่า ประธานาธิบดีสหรัฐโกหกคนทั้งประเทศ ปกปิดความจริงที่ว่า กองทัพอเมริกาติดหล่มสงครามและมีแต่ความสูญเสีย
ในยุคนั้นบทบาทของผู้หญิงในสังคมอเมริกันยังไม่เป็นที่ยอมรับมากนัก ดังนั้นเจ้าของหนังสือพิมพ์และ บก.หญิง จึงต้องแบกรับความกดดันมากมาย
ความที่ยุคนั้นระบบผลิตต้นฉบับและหนังสือพิมพ์ ยังใช้เครื่องพิมพ์ดีด ยังไม่มีระบบคอมพิวเตอร์ ยังเป็นยุคเรียงพิมพ์ด้วยตัวอักษร ในหนังมีรายละเอียดเหล่านี้ให้ดูอย่างน่าตื่นตา เห็นนาทีสำคัญเมื่อแท่นเริ่มเดินเพื่อพิมพ์หนังสือพิมพ์ฉบับที่เสนอข่าวสุดยอด สั่นทั้งตึก เขย่าไปถึงหัวใจของนักข่าว
ได้เห็นช่วงจังหวะหนังสือพิมพ์ฉบับลุ้นระทึก ไหลออกมาเป็นเล่มอยู่บนสายพาน ก่อนจะมัดห่อขึ้นรถขนส่ง แล้วไปโยนให้เอเยนต์ตามถนนสายต่างๆ
ทั้งจุดเด่นอีกประการของหนังเรื่องนี้ คือ ไม่มีบทเว่อร์ๆ ไม่มีฉากพูดจาภาษาลิเก
การตัดสินใจจะตีพิมพ์ข่าวสุ่มเสี่ยง มาจากการต่อสู้กับหนังสือพิมพ์คู่แข่ง ไม่ต้องมาอวดอ้างอุดมการณ์อะไรให้น่ารำคาญ แต่พร้อมๆ กันมาจากความจริงที่ว่า ทุกครอบครัวในสังคมอเมริกันขณะนั้น ล้วนมีผลกระทบจากสงครามเวียดนาม ลูกหลานญาติพี่น้องของแทบทุกบ้านต้องไปอยู่ในสมรภูมินั้น
การทำหน้าที่ของสื่อมวลชนอเมริกัน ต้องเผชิญกับการปกปิดความจริงของรัฐบาล ที่ใช้อำนาจทางกฎหมาย ใช้การฟ้องร้องศาล มาปิดปาก
แต่สื่อก็ไม่ใช่ฮีโร่โดดเด่นเพียงฝ่ายเดียว การต่อสู้ด้วยข่าวสาร ผสมผสานเข้ากับการเคลื่อนไหวของผู้คนในสังคมอเมริกัน ที่เริ่มก่อม็อบประท้วงสงคราม
จึงต้องบอกว่าเป็นภาพยนตร์ที่เสนอภาพรวมของประวัติศาสตร์อเมริกันยุคสงครามเวียดนามได้รอบด้าน เห็นกระบวนการต่อต้านนโยบายที่ผิดพลาดของรัฐบาลสหรัฐ ที่เคลื่อนไปด้วยกันทั้งสังคม
เพียงแต่โฟกัสไปที่วอชิงตันโพสต์ ในยุคที่ผู้หญิงต้องเข้ามาทำหน้าที่ บก.ผู้พิมพ์ จึงมีทั้งมุมสิทธิสตรี การกดดันทางเพศ ไปจนถึงการคุกคามปิดปากสื่อของอำนาจรัฐ
ที่หัวเรื่องว่าคุกคามสื่อ-คุกคามเพศ อาจทำให้หลายคนนึกถึงข่าวที่เขย่าวงการสื่อมวลชนไทยในวันนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งบทสรุปที่วกวนน่าเวียนหัวของแถลงการณ์องค์กรสื่อ ที่กำลังถูกวิพากษ์วิจารณ์หนักจากเหล่านักข่าว และนักสิทธิสตรี
ด้วยไม่สามารถให้คำตอบเรื่องคดีละเมิดทางเพศในวงการสื่อได้
แถมใช้ลีลาโทษการเสนอข่าวของสื่อ จนนึกว่ากำลังอ่านคำแถลงของ คสช.อยู่เสียอีก
…………………
สุริวงค์ เอื้อปฏิภาน