เมื่อร่างกายโปร่งใสกว่าที่เคย โดย : ทีปกร วุฒิพิทยามงคล

คุณรู้จักร่างกายของตัวเองดีแค่ไหน?

สำหรับคนทั่วไปแล้ว ร่างกายคงทำงานเหมือนกล่องสีดำ คุณรู้ว่าเมื่อใส่บางสิ่งบางอย่างเข้าไป ผลลัพธ์ก็จะออกมาอีกทางอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ คุณรู้ว่าหากใส่อาหารดีๆ ใส่การออกกำลังกาย ใส่วิตามินที่เหมาะสมเข้าไปในร่างกาย ร่างกายก็จะสุขภาพดี ชีวิตก็จะมีความสุข ในขณะที่กลับกัน หากคุณใส่เหล้ายา อาหารไขมันสูง บุหรี่ ยาเสพติด หรือการนั่งอืดเข้าไปในร่างกาย ผลลัพธ์ก็อาจเป็นชีวิตที่ไม่ค่อยดีสักเท่าไร

แต่เราก็รู้เพียงเท่านั้น เรารู้เพียงว่าร่างกายน่าจะทำงานเช่นนั้นเช่นนี้ เราอาจรู้ละเอียดบ้าง, หยาบบ้าง, แต่เราไม่รู้ชัดเจนในทุกขณะจิตว่าร่างกายของเรากำลังทำอะไรอยู่ อาหารที่เรากินไปเมื่อเที่ยงย่อยไปได้แค่ไหนแล้ว มันกำลังเดินทางไปสู่ลำไส้ส่วนไหน อย่างไร

ส่วนมากแล้วเรารู้จักและมีความสัมพันธ์กับร่างกายของตัวเองในแบบนี้-นอกเสียจากว่า คุณจะเป็นแลร์รี่

Advertisement

แลร์รี่ สมารร์ (Larry Smarr) เป็นนักดาราศาสตร์ เขายังมีความเชี่ยวชาญด้านคอมพิวเตอร์ประยุกต์ด้วย เขาเป็นอาจารย์อยู่ที่มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนียในซาน ดิเอโก และก่อตั้งสถาบันเทคโนโลยีโทรคมนาคมและสารสนเทศแห่งแคลิฟอร์เนีย ที่สำคัญกว่านั้น เขาป่วยเป็นโรคโครห์น (โรคโครห์น คือโรคทางเดินอาหารอักเสบ เป็นโรคที่อยู่ในกลุ่มโรคลำไส้อักเสบเรื้อรัง ตั้งชื่อตามนายแพทย์เบริลล์ บี โครห์น ที่ได้รายงานโรคนี้ครั้งแรกในปี 1932) โรคโครห์นทำให้เขาปวดท้องมาก ท้องเสียเรื้อรัง อุจจาระมีเลือดเจือปน เขาทนทุกข์ทรมานกับโรคนี้เป็นเวลานาน-นานจนกระทั่งเขาคิดว่าเขาควรใช้ความรู้ความเชี่ยวชาญด้านคอมพิวเตอร์ของเขามาเพื่อช่วยแก้ปัญหา

เราอาจรู้จักร่างกายของตัวเองในฐานะกล่องดำ แต่สำหรับแลร์รี่แล้ว ร่างกายของเขาโปร่งใส-เขาสามารถรู้ เข้าใจ และเห็นว่าอวัยวะของตนเองอยู่ที่ไหน เขารู้แน่ชัดว่าอาหารที่เข้าไปในร่างกายกำลังอยู่ในจุดใดบ้าง เขาสร้างโมเดลร่างกายจำลองของตนเองขึ้นมาในระบบคอมพิวเตอร์ ให้ชื่อมันว่า “Transparent Larry” (แลร์รี่โปร่งใส)

นิตยสาร The Atlantic เล่าว่า เขาทำเช่นนี้ผ่านการตรวจวัดอินพุตและเอาต์พุตทั้งหมด (รวมไปถึงการชั่งน้ำหนักอุจจาระตนเองด้วย) นอกจากนั้น เขายังเข้ารับการสแกน MRI สม่ำเสมอ รวมไปถึงตรวจเลือด ตรวจลำไส้ และใช้บริการวินิจฉัย DNA ผลลัพธ์ที่ได้คือโมเดลสามมิติของอวัยวะภายในที่อัพเดตแทบตลอดเวลา เขารู้ว่าร่างกายของตัวเองทำงานอย่างไรมากกว่าที่คนอื่นเคยรู้ เป้าหมายของเขาคือการทำให้พวกเราทุกคนเป็น “ผู้บริหารร่างกายตนเอง” (CEO of our own body)

Advertisement

การแพทย์สมัยนี้พัฒนาไปมาก ผู้ป่วยสามารถหาข้อมูลเกี่ยวกับโรคที่ตนเอง (สงสัยว่าจะ) เป็นได้ก่อนหน้าพบแพทย์โดยละเอียด เมื่อเจอหน้าแพทย์ พวกเขาก็อาจตระเตรียมคำถามมาเป็นตั้งๆ หรืออาจรู้จักโรคของตัวเองมากกว่าที่แพทย์รู้ (แต่แน่นอน, ก็อาจเป็นความรู้ที่ผิดเพราะแค่อ่านเจอมา หรือคิดไปเอง โดยไม่ได้ตรวจละเอียด) แต่กับแลร์รี่แล้ว เขารู้จักตัวเองมากขนาดที่ในวันที่เขาตัดสินใจพบแพทย์เพื่อเข้ารับการผ่าตัดลำไส้ในเดือนมีนาคมปี 2016 เขาสามารถทำพรีเซนเทชั่นพาวเวอร์พอยต์ เพื่อไปนำเสนอต่อแพทย์ว่าควรจะผ่าตัดเขาเช่นไร-อย่างไร ละเอียดจนกระทั่งควรลงมีดตรงไหนเพื่อให้ประหยัดเวลาได้ดีที่สุดเลยทีเดียว

โชคดีที่รามามัวร์ธี (Ramamoorthy) แพทย์ของเขาไม่คิดว่าการนำเสนอเช่นนี้เป็นการดูถูก กลับกันเธอกลับรู้สึกตื่นเต้นและเป็นเกียรติที่ได้มีส่วนร่วมในเทคโนโลยีล่าสุดทางการแพทย์ เธอบอกว่า “เขา [แลร์รี่] เป็นอัจฉริยะ ฉันก็ควรดูสิ่งที่เขาทำมาประกอบด้วยนั่นแหละ”

แลร์รี่พารามามัวร์ธีไปชมห้องความจริงเสมือนที่ทำให้เธอเหมือนกับได้เข้าไปอยู่ในร่างกายเขา เธอสามารถซูมช่องท้องเข้าออก เห็นเส้นเลือดและการขดของลำไส้อย่างชัดเจน เธอบอกว่า “เหมือนเราได้ดูแผนที่ก่อนผ่าตัดจริง” และเปรียบเทียบในเวลาต่อมาว่า “เทคโนโลยีนี้จะเปลี่ยนการผ่าตัด เหมือนกับที่กูเกิลแมปเคยเปลี่ยนการขับรถ” เธอใช้ Tranparent Larry เพื่อฝึกซ้อมผ่าตัดก่อนที่จะผ่าตัดแลร์รี่จริงๆ หนึ่งสัปดาห์

เมื่อวันผ่าตัดมาถึงในเดือนพฤศจิกายน 2016 ภาพที่ออกมาให้เห็นชัดเจนก็คือ นี่ไม่ใช่การผ่าตัดทั่วๆ ไป แต่เป็นกึ่งพิธีแสดงเทคโนโลยีของแลร์รี่ บางคนเปรียบเทียบว่ามันเหมือนกับบูธโชว์แก็ดเจ็ทล่าสุดในงานสัมมนาสักงาน มีกระทั่งกล้องวิดีโอที่จะคอยบันทึกการผ่าตัดครั้งสำคัญนี้ไว้ ข้างร่างกายแลร์รี่ที่นอนอยู่บนเตียงก็มีคอมพิวเตอร์ที่แสดงโมเดลสามมิติของร่างกายของเขาไว้เทียบกัน

หลังจากผ่าตัดสำเร็จ รามามัวร์ธีประเมินว่า การใช้โมเดลร่างกายตนเองของแลร์รี่ช่วยประหยัดเวลาผ่าตัดได้เป็นชั่วโมง ซึ่งมีผลดี เพราะทำให้ไม่ต้องใช้ยาสลบปริมาณเกินควร “เหมือนฉันเป็นนักเรียน และคนไข้ [แลร์รี่] เป็นอาจารย์เสียมากกว่า”

ในตอนนี้ถึงแม้เทคโนโลยีดังกล่าวจะยังไม่เปิดกว้างให้ใช้กันได้ทั่วไปและยังอยู่ในขั้นทดลองเท่านั้น แต่แลร์รี่ก็หวังว่าจะพัฒนาเทคโนโลยี “ร่างกายโปร่งใส” ให้คนจำนวนมากเข้าถึงได้ในอนาคต

มันอาจเปลี่ยนความสัมพันธ์ระหว่างเรา-กับร่างกายของเราไปตลอดกาล

อ้างอิง : https://www.theatlantic.com/magazine/archive/2018/03/larry-smarr-the-man-who-saw-inside-himself

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image