ตำรวจตรวจโปลิศ โดย สุริวงค์ เอื้อปฏิภาน

คดีลอตเตอรี่ 30 ล้านบาท ที่มีการแจ้งความกันไปมาระหว่าง ร.ต.ท.จรูญ วิมูล ตำรวจนอกราชการ กับครูปรีชา ใคร่ครวญ และรูปคดีพลิกไปพลิกมา เดี๋ยวก็มีแนวโน้มว่ากรรมสิทธิ์น่าจะเป็นของหมวดจรูญ เดี๋ยวก็กลับมาเป็นของครูปรีชา

แต่ล่าสุด ตามทิศทางรูปคดีและการติดตามข่าวของนักข่าว บทสรุปลงเอยชัดเจนแล้ว ว่าเป็นของใคร และใครที่จะถูกดำเนินคดี 2-3 คน

โดยทั้ง พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. และ พล.ต.ท.ฐิติราช หนองหารพิทักษ์ ผบช.ก. บอกให้อดใจรอวันที่ 28 กุมภาพันธ์นี้ จะมีการแถลงผลสรุปทั้งหมด และคงจะมีการออกหมายจับผู้ที่กระทำผิดในวันนั้น

ก็คงเป็นไปตามที่ ผบ.ตร.เคยบอกใบ้เอาไว้ก่อนหน้านี้ว่า คดีนี้คล้ายๆ กับคดีครูจอมทรัพย์

คำว่าคดีครูจอมทรัพย์ ก็น่าจะหมายถึงขบวนการปั้นพยานสร้างเรื่องกุข่าว ส่วนจะมีใครตีความเน้นไปยังคำว่า “ครู” อีกไม่กี่วันก็คงได้รู้กัน

ความที่เรื่องหวยเรื่องลอตเตอรี่นั้นอยู่ในหัวใจของคนไทยจำนวนมาก ข่าวนี้จึงกลายเป็นข่าวใหญ่ครองความสนใจชาวบ้านทุกระดับ

ไม่ท่านั้น ในด้านตำรวจที่ทำคดีเอง ก็ถูกชาวบ้านที่ติดตามข่าวสาร จับจ้องและวิพากษ์วิจารณ์อย่างกังขาหลายประเด็น

จนสุดท้าย บิ๊กแป๊ะ ผบ.ตร. ต้องใช้ความเด็ดขาด สั่งให้โอนคดีจากตำรวจท้องที่กาญจนบุรี และภูธรภาค 7 ไปให้กองปราบทำคดีแทน

โดยมีระดับผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง โดดลงมาคุมทีมกองปราบเอง

จุดสำคัญที่ ผบ.ตร.ตัดสินใจให้โอนคดี ทั้งเพื่อลดความคลางแคลงใจของประชาชนทั้งสังคม และความที่มีการพบพยานหลักฐานใหม่ ที่เป็นวิทยาศาสตร์

คลิปเสียงจากโทรศัพท์มือถือของตัวละครสำคัญในเหตุการณ์ เป็นจุดไขปมปริศนาของคดีที่น่าเชื่อถือกว่าการรับฟังพยานบุคคลที่ให้การกันเป็นฉากๆ

โทรศัพท์มือถือในบางระบบนั้น มีคุณสมบัติพิเศษบันทึกเสียงการสนทนาทุกครั้งโดยอัตโนมัติ

หน่วยงานด้านเทคโนโลยีของสอบสวนกลางก็เลยกู้ไฟล์เสียงมาตรวจสอบ แล้วก็พบจุดที่ไขปมประเด็น คือ บทสนทนาในเย็นวันที่ 1 พฤศจิกายน 2560 หลังจากผลการออกรางวัลเสร็จสิ้นแล้ว

และมีบทสนทนาที่พูดยืนยันว่า ไม่ถูกรางวัล

จะเห็นได้ว่า พล.ต.อ.จักรทิพย์ พูดจาถึงคดีนี้ทุกครั้ง มักจะย้ำว่าต้องใช้หลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์มาตัดสิน ซึ่งชัดเจนและเป็นวิทยาศาสตร์ที่สุด

จากบันทึกเสียงการสนทนาทางโทรศัพท์ ยังมีการตรวจสอบอีกหลายคลิป หลายเครื่อง ประสานกับการสอบพยานบุคคล พยานในที่เกิดเหตุต่างๆ

ไปจนถึงการที่ตำรวจกองปราบ เรียกตัวตำรวจท้องที่กาญจนบุรีชุดทำคดีเดิม มาสอบปากคำอย่างเข้มข้น

จนกระทั่งเกิดคำสั่งย้ายด่วนผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดกาญจนบุรีเข้าไปประจำที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ

นอกจากเพื่อเปิดทางให้การสอบสวนลื่นไหลขึ้น ยังเป็นเหมือนสัญญาณบ่งบอกอะไรได้มากมาย

ไม่เท่านั้น กระบวนการตำรวจกองปราบ ตรวจสอบตำรวจภูธรท้องที่ ถือว่าเพิ่มความดุเดือดเผ็ดมันให้กับคดีนี้มากขึ้น

อันที่จริงกองบัญชาการสอบสวนกลางและกองปราบนั้น เป็นหน่วยพิเศษมีอำนาจหน้าที่ทั่วราชอาณาจักร เอาไว้เสริมงานตำรวจท้องที่ ทำเรื่องที่ใหญ่เกินกำลังท้องที่ ไปจนถึงตรวจสอบถ่วงดุลตำรวจท้องที่

คดีนี้ก็เข้ามาตรวจสอบถ่วงดุลตำรวจกาญจนบุรีและภาค 7

ส่วนลงเอยนอกจากจะจับกุมคนกุเรื่องลอตเตอรี่แล้ว จะลามไปเป็นตำรวจจับโปลิศด้วยหรือไม่ น่าติดตามจริงๆ

…………..

สุริวงค์ เอื้อปฏิภาน

เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่