ผู้เขียน | สุชาติ ศรีสุวรรณ |
---|
สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ลงมติไม่เห็นชอบกับบุคคลที่ผ่านการคัดเลือกจากคณะกรรมการสรรหาให้ดำรงตำแหน่งคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ทั้ง 7 คน แบบ “หมดรูป” และทำให้ผู้ได้รับการเสนอชื่อทั้งหมดดู “ไร้ค่า”
เนื่องจากคะแนนเห็นชอบที่ สนช.ให้กับผู้ได้รับการคัดเลือกทุกคนนั้นต่ำมาก จาก สนช. 248 คน คะแนนเห็นชอบที่ทั้ง 7 คนได้รับสูงสุดแค่ 57 เสียง และบางคนต่ำแค่ 10 เสียง ที่ไม่เห็นด้วยมากถึง 125-175 เสียง มีคนที่ตัดสินใจไม่ออกเสียงอยู่จำนวนหนึ่ง
ถือว่า “หมดสภาพ” อย่างไม่น่าเชื่อ
ความน่าเชื่อถือในคุณสมบัติของหลายคนที่ได้รับการเสนอชื่อ ไม่น่าจะตกต่ำในความรู้สึกของ สนช.มากถึงขนาดนั้น บางท่านเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียง บางท่านมีเกียรติประวัติการทำงานที่ดีงาม จนนึกไม่ออกว่า สนช.ส่วนใหญ่ทำไมจึงตีค่าคุณสมบัติคนเหล่านั้นในทางไม่น่าเชื่อถือว่าจะทำหน้าที่ดูแลการเลือกตั้งได้
ไม่เพียง ผู้ได้รับการคัดเลือกตั้งทั้งหมดเท่านั้นที่น่าจะ “หน้าชา” กับการถูกปฏิเสธที่รุนแรงจาก สนช.
แม้แต่คณะกรรมการสรรหาที่คัดเลือกบุคคลเหล่านี้ขึ้นมา คงอดที่จะถามตัวเองไม่ได้ว่าวิจารณญาณของพวกเขา ใช้การไม่ได้ในการพิจารณาความเหมาะสมของคนถึงขนาดนั้นเชียวหรือ
เป็นไปได้อย่างไรที่ความรู้ความสามารถในการพิจารณาคุณสมบัติบุคคลของคณะกรรมการสรรหา
ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นผู้ใหญ่ในสถาบันหลักของชาติจะไม่มีราคาให้ สนช.เชื่อถือถึงขนาดนั้น
คล้ายกับว่าเป็นเรื่องน่าตกตะลึงพรึงเพริดไม่น้อย
แม้แต่เรื่องนี้จะมีที่มาที่ไปที่น่าเห็นใจทุกฝ่าย
เพราะเป็นที่รับรู้กันอยู่ว่ากระบวนการแต่งตั้ง กกต. มีปัญหามาแต่เริ่มต้นแล้ว
เมื่อสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาเปิดรับสมัครระหว่างวันที่ 19 ตุลาคม-10 พฤศจิกายน 2560 มีผู้มาสมัครน้อยมาก แทบหายใจไม่ทั่วท้องกันในช่วงแรก เพราะสมัครกันแทบไม่ครบจำนวน
แม้ในที่สุดจะสมัครกัน 41 คน แต่มีผู้ที่ผ่านเกณฑ์ก่อนถึงการเลือกให้เหลือ 5 คน เพียง 15 คน จนมีเสียงบ่นกันว่าการกำหนดคุณสมบัติของผู้สมัครเข้มงวดเกินไป
และแม้กระทั่ง กกต. 2 คนที่มาจากการคัดเลือกของที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกา ก็ยังถูกท้วงติงให้พิจารณาว่ากระบวนการสรรหาถูกต้องหรือไม่ ในประเด็นที่ว่าเป็นการลงมติเปิดเผยตามกฎหมาย กกต.หรือไม่ หรือเป็นการลงมติลับ
ซึ่งเรื่องนี้ยังเป็นปัญหาที่ยังมีความเห็นขัดแย้งกันอยู่มาก
ด้วยปมปัญหาที่เกิดขึ้นหลากหลายเช่นนั้น ทำให้เกิดความไม่มั่นใจกันก่อนหน้านั้นแล้วว่าที่สุดแล้ว
การคัดเลือกครั้งนี้จะไม่จบลงง่ายๆ
ที่สุดก็ออกมาเช่นนั้นจริง
คนที่เสียหายมากที่สุดคือ “ผู้ได้รับการคัดเลือก” ที่เหมือนถูกตบหน้าอย่างแรง
หลายคนคงทำใจได้ยากว่าทำงานในตำแหน่งที่มีเกียรติไม่น้อยมายาวนาน แต่ประวัติศาสตร์จะบันทึกไว้ว่าเป็นผู้มีคุณสมบัติไม่พอให้ สนช.เห็นด้วยในการทำหน้าที่ กกต.
แน่นอน เหตุผลที่จะต้องลือกันไปคือ “บางฝ่ายสั่งการให้เป็นเช่นนี้เพราะต้องการใช้เป็นเหตุผลประกอบเพื่อยื้อการเลือกตั้งให้ยาวออกไป”
ซึ่งแน่นอนคนที่ถูกกล่าวหาต้องปฏิเสธ
แต่เรื่องราวที่นำความเสียหายให้ทั้ง “ผู้ผ่านการคัดเลือกทั้ง 7 คน” และ “คณะกรรมการสรรหา” หนีไม่พ้นที่จะถูกตั้งคำถามถึงความไม่รอบคอบในการคัดเลือก
นั่นหมายถึง ความเชื่อถือในระบบต่างๆ ที่วางกันขึ้นมาด้วยโครงสร้างอำนาจตามกฎหมายที่ร่างกันขึ้นมาใหม่ย่อมลดน้อยลงไป
ระบบที่ไม่เข้มแข็งพอที่จะต้านทานคำสั่ง
จะเป็นระบบที่สร้างความศรัทธาได้อย่างไร
……………
สุชาติ ศรีสุวรรณ