ผู้เขียน | คอลัมน์หน้า 3 มติชน |
---|
ปัญหาของ คสช.ในที่นี้มิได้อยู่ที่ว่า 1 จะได้เป็นนายกรัฐมนตรี “คนนอก” ภายหลังการเลือกตั้งหรือไม่ ประการเดียว หากแต่ 1 ซึ่งสำคัญยิ่งกว่าก็คือ
เป็นนายกรัฐมนตรีแล้วจะ “บริหาร” ได้หรือไม่
การเลือกตั้งจึงเป็นปัจจัยสำคัญ กำหนดแต่ละจังหวะก้าวในทางการเมือง สำหรับ 2 เป้าหมายที่สำคัญหลังการเลือกตั้ง
ลำพังพรรคเพื่อไทยต้านอาจยังพอสู้ได้
อย่างน้อยยังสามารถฝากความหวังไว้กับ 1 พรรคประชาธิปัตย์ พรรคภูมิใจไทย และ 1 พรรคอันถือได้ว่าเป็นลูกแหล่ง ตีนมือ
กวาดต้อนมา 100 ผนวกกับ ส.ส. 250 เสียง
แต่พลันที่พรรคประชาธิปัตย์แสดงท่าทีออกมาอย่างเด่นชัดว่า ไม่เห็นด้วยกับนายกรัฐมนตรี “คนนอก” เท่ากับจบอย่างสิ้นเชิง
จึงได้มีข่าวว่า นายสุเทพ เทือกสุบรรณ อาจต้องตั้งพรรค
ระหว่างพรรคประชาธิปัตย์กับพรรคเพื่อไทย มีความแจ่มชัดเป็นอย่างมากว่าพรรคเพื่อไทยไม่เอานายกรัฐมนตรี “คนนอก” แน่ๆ
วางเป้าจะเป็น “ฝ่ายค้าน” สถานเดียว
ในเบื้องต้น พรรคประชาธิปัตย์เองก็ยังไม่แจ่มชัด แต่ยิ่งสถานะของ คสช. “ขาลง” มากเพียงใด พรรคประชาธิปัตย์ยิ่งมีความแจ่มชัด
เท่ากับโจทย์ของ คสช.สลับซับซ้อนมากยิ่งขึ้น
ขณะเดียวกัน สถานะ “ขาลง” ไม่เพียงแต่จะส่งผลสะเทือนให้กับพรรคประชาธิปัตย์เท่านั้น หากแม้กระทั่งพรรคภูมิใจไทยที่ประเมินว่าอาจเป็น “ของตาย” ก็อาจเริ่มลังเล
“ขาลง” ของ คสช.จึงเป็นปัจจัยอันแหลมคมเป็นอย่างสูง
ความจริง สถานะของ คสช.ที่เรียกว่า “ขาลง” เริ่มเห็นตั้งแต่กลางปี 2560 มาแล้ว แต่เมื่อถึงเดือนพฤศจิกายน ก็แจ่มชัด
ยิ่งเจอ “นาฬิกา” ในเดือนธันวาคม ยิ่งกระจ่าง
จากเดือนพฤศจิกายน 2560 เป็นต้นมา อาการทางการเมืองของ คสช.จึงเป็นอาการที่ฟ้องให้เห็นว่ายังไม่พร้อมจะเข้าสู่กระบวนการเลือกตั้ง
จึงได้มอบให้ “ลูกแหล่ง ตีนมือ” ออกโรง
นั่นก็เห็นได้จากข้อเสนอแก้ไข พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมืองจาก 1 กปปส.และจาก 1 กลุ่มประชาชนปฏิรูป
นำไปสู่คำสั่งหัวหน้า คสช.ฉบับที่ 57/2560
อันกลายเป็นเหตุผลอย่างสำคัญในที่ประชุมคณะกรรมาธิการกระทั่งร่าง พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.นำไปสู่การยืดเลือกตั้งออกไปเป็นปี 2562
ต่อเวลา “หายใจ” ออกไปอีก
เหมือนกับกรณี 7 กกต.ที่ถูกคว่ำในที่ประชุม สนช.อันเป็นกระบวนท่าเดียวกันกับที่เคยเกิดกับร่างรัฐธรรมนูญฉบับ นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ เมื่อเดือนกันยายน 2558
อันเป็นที่มาของวลี “เขาอยากอยู่ยาว”
ตราบใดที่ คสช.ยังไม่มั่นใจใน 2 ประเด็น คือ 1 ทำอย่างไรจึงจะเป็นหลักประกันการได้เป็นนายกรัฐมนตรี “คนนอก” และ 1 ทำอย่างไรจึงจะเป็นหลักประกันว่านายกรัฐมนตรี “คนนอก” สามารถบริหารได้
ตราบนั้นความชัดเจนเรื่อง “การเลือกตั้ง” ก็ไม่บังเกิด
จึงไม่เพียงแต่จะยืนยันความต้องการเอาเปรียบโดยผ่าน 1 รัฐธรรมนูญ พ.ศ.2560 เท่านั้น หากแต่ยังต้องการเอาเปรียบ 1 ทุกพรรคการเมืองที่ประเมินว่าอาจเข้ามาขัดแข้งขัดขา
เช่นนี้เองจึงต้องยื้อ ถ่วง หน่วง “การเลือกตั้ง”