พรรคใหม่ โดย วรศักดิ์ ประยูรศุข

ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ-ปิยบุตร แสงกนกกุล (แฟ้มภาพ)

หลังจากข่าว ปิยบุตร แสงกนกกุล นักวิชาการ กับ ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ นักธุรกิจชื่อดัง เตรียมจัดตั้งพรรคการเมืองใหม่ เพื่อเป็นทางเลือกใหม่ให้กับผู้มีสิทธิเลือกตั้ง แพร่สะพัดออกไป

ผลเป็นไปตามคาด พรรคน้องใหม่ โดนรับน้องในแบบไทยๆ น่วมๆ ไปหลายดอกในทันทีเหมือนกัน

เป็นภาพสะท้อนความจริงแปลกๆ ของประเทศ ที่ดูเหมือนยังติดในอะไรสักอย่าง

การลงทุนปิดประเทศไทยชั่วคราวเพื่อซ่อมแซมตามแนวคิดที่ผู้อาวุโสเสนอไว้ 4 ปีก่อน ดูจะยังแก้ปัญหาหลายๆ อย่างไม่สำเร็จ

Advertisement

การเกิดขึ้นของพรรคการเมืองที่มีแนวคิดใหม่ และต้องการเสนอทางออกใหม่ ไม่ใช่เรื่องแปลก หากมองไปในประวัติศาสตร์

พลังขับเคลื่อนสังคมจากอดีตสู่ปัจจุบันส่วนมากคือคนหนุ่ม คนสาว

แต่หนทางไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ โดยเฉพาะเมื่อเป็นเรื่องการเมืองและอำนาจ ต้องฝ่าฟัน เจ็บเนื้อเจ็บตัว หรืออาจมากกว่านั้น

Advertisement

ย้อนไปหลัง 14 ตุลาฯ 2516 เมื่อมีรัฐธรรมนูญ 2517 ประกาศใช้ เตรียมเลือกตั้ง มีพรรคการเมืองเกิดขึ้นมากมาย

กลุ่มคนรุ่นใหม่ ในขณะนั้นรวมตัวกันตั้งพรรค

ระหว่างนั้น ปี 2516-2519 อันเป็นยุคประชาธิปไตยเบ่งบาน ประเทศไทยมีเลือกตั้ง 2 ครั้ง

ครั้งแรก พรรคที่มีแนวคิดแนวทางใหม่ ได้รับเลือกตั้งเข้ามาจำนวนหนึ่ง

ก่อนจะเสียที่นั่งเกือบหมดในการเลือกตั้งอีกครั้ง และไม่นานจากนั้นก็เกิดรัฐประหารในวันที่ 6 ต.ค.2519

เป็นที่รู้กันว่า พรรคเหล่านั้นโดนต่อต้านอย่างมีเป้าหมายจากทางการ โดยเฉพาะฝ่ายความมั่นคงในขณะนั้น

หลังจากนั้น การตั้งพรรคต่อสู้ในรัฐสภาโดยปัญญาชนคนรุ่นใหม่ ก็หายไป

การเมืองกลายเป็นเรื่องของนักการเมืองที่เน้นการเข้าสู่อำนาจ เป็นรัฐบาล ฝ่ายค้าน โดยประนีประนอมกับสภาพที่เป็นอยู่

นักการเมืองบางท่านได้รับฉายาเป็นข้าราชการประจำเบอร์ต้นๆ ของประเทศ

หลายท่านเอิ๊กอ๊ากเฮฮาไปกับงบประมาณ ความสะดวกสบายจากระบบราชการ

แน่นอนว่า นักการเมืองดีๆ ก็มี และสร้างประโยชน์ให้ชาติบ้านเมืองก็มี

แต่จุดอ่อน ข้อบกพร่อง ยังมีมากเช่นกัน จนถูกนำไปขยาย กลายเป็นเงื่อนไขของการ “ชำระล้าง” ไป

การเกิดขึ้นของพรรคแนวใหม่รอบนี้ แม้หลายฝ่ายประเมินว่า ยากที่จะประสบความสำเร็จ

แต่น่าจะเป็นแรงกระทบให้พรรคต่างๆ สำรวจตัวเอง ขัดสนิม ถูขี้ไคล หรือยกเครื่องกันไปเลย

อะไรหลายๆ อย่างที่ไม่เคยทำได้ อย่างประชาธิปไตยในพรรค น่าจะต้องกำหนดเป็นทิศทาง ขีดเส้นให้เกิดการปฏิบัติ

ไหนๆ การปฏิรูปต่างๆ อันเป็นภาคบังคับไม่ค่อยมีผลชัดเจน

น่าจะใช้โอกาสนี้ ปฏิรูปตัวเองโดยไม่ต้องให้ใครมาบอกหรือเอาปืนมาจี้

ประกาศจุดยืนกันให้ชัดๆ ก่อน ก.พ.2562 ว่าพรรคข้าพเจ้าจะไปทางไหน จะเสนอใครเป็นนายกฯ

ประชาชนคนไทย พ.ศ.นี้ เปลี่ยนแปลงไปมาก หูตากว้างขวาง และรู้จักพลังอำนาจที่อยู่ในมือตัวเอง

สภาพแวดล้อมทุกชนิด ก็เปลี่ยนไป

รวมๆ เหมือนอึมครึม ไร้ทางออก แต่ทางกลับกันเป็นสภาพที่เอื้ออำนวยต่อการเสนอสิ่งใหม่ๆ

ใครที่ประเมินไว้ว่าจะเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ อาจจะคิดผิด

พรรคใหม่จะไปได้ไกลแค่ไหน ต้องฝ่าฟันปัจจัยอย่างไรบ้าง เป็นการบ้านของกลุ่มบุคคลในพรรคกับประชาชน

เป็นการบ้านชุดเดียวกับบรรดาคนหน้าเก่าที่กำลังปวดหัวอยู่เหมือนกัน แม้ปัจจัยต่างๆ เป็นใจอย่างมาก

…………………

วรศักดิ์ ประยูรศุข

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image