พิสูจน์’งัวงาน’ โดย สุวพงศ์ จั่นฝังเพ็ชร

เห็นโลกโซเชียล “รับน้องใหม่” นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ และนายปิยบุตร แสงกนกกุล แล้ว ตอนแรก อยากจะเรียกร้องว่า จะชอบ จะชัง อย่างไร

อย่าใช้วิธี “ล่าแม่มด” ต่อกันเลย

แต่ ก็เปลี่ยนใจ แบบ “โลกสวย”

นั่นคือ มั่นใจ การต่อสู้ในแนวทางประชาธิปไตย

Advertisement

เมื่อทั้ง สอง โดยเฉพาะนายธนาธร ประกาศ “แม้คนพันบัญชาชี้หน้าเย้ย” แต่ก็ “จงน้อมกายก้มหัวเป็นงัวงาน” แล้ว

ก็ต้อง อึด ต้องทน กับการถูกกล่าวหาต่างๆ

และพร้อมจะชี้แจงเรื่องต่างๆ ทุกเรื่อง

โดยเฉพาะเรื่องละเอียดอ่อนบางเรื่อง ที่คนรุ่นใหม่อย่างนายธนาธรและนายปิยบุตร เห็นต่างจากคนรุ่นเก่า หรือฝ่ายอนุรักษ์ จำเป็นจะต้องชี้แจงให้ชัดเจน

ขณะเดียวกัน เวทีตามระบอบประชาธิปไตย ก็ควรจะเปิดกว้างรับฟังอย่างมีเหตุผล และอยู่ในขอบเขตอันเหมาะสม ว่าที่คนรุ่นใหม่ เสนอแนวทางใหม่นั้น

ยอมรับได้หรือไม่

เหมาะสมกับกาลสมัยหรือไม่

มิใช่สั่งปิดปาก หรือใช้วิชาก้นหีบ “กำจัด” คนเหล่านี้ลงจากเวที จะมีจุดเดือดต่ำ ควบคุมตัวเองไม่อยู่

ชู “นิ้วกลาง” ใส่ชาวบ้าน เหมือน “ท่านพันเอก” บางคน คงไม่ได้

ว่าที่จริง ไม่ใช่เพียงพรรคใหม่ของนายธนาธรและนายปิยบุตรเท่านั้น ที่ควรจะเปิดเวทีกว้างให้

50 กว่าพรรคที่ไปแจ้งจดทะเบียน จองชื่อพรรค ก็ควรได้รับการปฏิบัติอย่างเท่าเทียมเช่นกัน

นั่นคือ เปิดกว้างให้ ขณะเดียวกันก็พร้อมจะให้ประชาชนตรวจสอบอย่างเต็มที่ ทุกซอกทุกมุม

ถึงจะมีการ “ชี้หน้าเย้ย” ว่าการแห่ไปจดแจ้งเพื่อตั้งพรรค เป็นดัง “ป่าช้าแตก”

แต่กระนั้น อีกด้านของ “ป่าช้าแตก” ก็คือ ความตื่นตัว ที่จะเสนอตัวให้ประชาชนเลือก ตามระบอบประชาธิปไตย

มิได้บังคับ หรือใช้วิธีพิเศษใดๆ เข้ามามิใช่หรือ

อาจจะตลกขบขัน ที่มีบางกลุ่ม ตั้งชื่อ “พรรคเห็นแก่ตัว”

แต่ก็ควรจะชมเชย ที่เขากล้าเสนอตัว ให้ด่า ให้เย้ยหยัน แล้วที่สุดก็ให้ประชาชนเป็นผู้ตัดสินใจเอง ว่าจะยอมรับ ระบบการเมือง “ขายหัวเราะ” แบบนี้หรือไม่

ซึ่งแน่นอน ประชาชนย่อมตัดสินใจได้

ไม่จำเป็นที่จะต้อง มีใครมาชี้นิ้วสั่งการ

นี่คือ ประชาธิปไตย ที่ควรจะเป็น

ย้อนกลับไปยังกรณีนายธนาธรและนายปิยบุตร ข้อกล่าวหาหนึ่งที่กระหึ่มอยู่ในขณะนี้ คือ ร่างทรงของคนเสื้อแดง และระบอบทักษิณ

จริงหรือไม่จริงอย่างไร

เราก็ควรรอฟังคำชี้แจง

เช่นกัน ก็คงมีพรรคอีกส่วนหนึ่งถูกกล่าวหาว่า เป็นร่างทรงของสีเขียว และระบอบทหาร

จริงหรือไม่จริง

เราก็ควรรอฟังคำชี้แจง

แต่ที่น่าเป็นห่วงก็คือเราจะมีความเท่าเทียมในการ “ดีเบต” เรื่องนี้กันหรือไม่

ขนาดพรรคยังไม่ได้ตั้ง แค่ไปออกสื่อ หรือโซเชียลมีเดียมาสัมภาษณ์ ก็เริ่มถูกตั้งคำถามแล้วว่า จะขัดคำสั่ง “คสช.” หรือไม่

เกิดมีกลุ่มที่หนุน คสช. อยากตั้งพรรค ไปออกสื่อหรือโซเชียลมีเดียบ้าง แล้วจะทำอย่างไร

นี่เป็นความประดักประเดิด ที่กำลังเกิดขึ้น และคงจะเพิ่มดีกรีมากขึ้นเรื่อยๆ

ทางแก้ที่จะดีที่สุด นั่นก็คือ เปิดเวทีประชาธิปไตยให้กว้างที่สุดและลดเงื่อนไขสิ่งที่จะมาขัดขวางลงให้เหลือน้อยที่สุด

อย่าใช้ “อำนาจพิเศษ” ที่มาจากการ “รัฐประหาร” แทรกแซงเป็นดีที่สุด

คงไม่มีใครว่า หากจะใช้เวทีประชาธิปไตย ซักฟอก เอกซเรย์ นายธนาธร นายปิยบุตร ในทุกแง่ทุกมุม ว่าสมควรจะเป็น “อนาคตใหม่” ของประเทศหรือไม่

“งัวงาน” ต้องพร้อมและอดทนต่อการพิสูจน์

……………….

สุวพงศ์ จั่นฝังเพ็ชร

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image