ผู้เขียน | รศ.วุฒิชัย กปิลกาญจน์ |
---|
ปัญหาของการอาชีวศึกษาของชาติ จัดเป็นปัญหาที่เรื้อรังด้านหนึ่ง ไม่ว่าจะพิจารณาองค์ประกอบด้านใด พบว่ามีความไม่สมบูรณ์ไปเสียเกือบทุกด้าน ทั้งนี้ เกิดจากการที่การอาชีวศึกษามิได้รับความเอาใจใส่อย่างจริงจังจากรัฐบาลติดต่อกันมาเป็นเวลายาวนาน
จนกระทั่งรัฐบาลของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เข้ารับผิดชอบการบริหารประเทศ การอาชีวศึกษาจึงได้รับความสนใจและเกิดความพยายามจากหลายฝ่ายที่จะเข้าแก้ไข เป็นที่ประจักษ์ว่าครูอาชีวศึกษามีความสำคัญต่อการอาชีวศึกษา แต่หน่วยงานที่รับผิดชอบก็ไม่สามารถแก้ไขปัญหาต่างๆ ที่เกิดกับครูอาชีวศึกษาได้สำเร็จ และดูเหมือนว่าไม่เกิดความตระหนักว่าครูอาชีวศึกษาก็มีความสำคัญต่อการศึกษาของชาติไม่น้อยกว่าครูของการศึกษาระดับพื้นฐาน และอาจารย์ในมหาวิทยาลัย จึงทำให้เกิดปัญหานานาประการกับครูอาชีวศึกษามาจนถึงทุกวันนี้
ทั้งในเรื่องการขาดแคลนอัตรากำลัง การผลิต พัฒนา มาตรฐาน ความก้าวหน้าในการปฏิบัติงาน ตลอดจนการบริหารงานบุคคลในสถานศึกษา
คณะอนุกรรมาธิการการอาชีวศึกษา คณะกรรมาธิการการศึกษาและการกีฬา สภานิติบัญญัติแห่งชาติ จึงขอเสนอผลสรุปรวมของปัญหาและข้อเสนอแนะแนวทางการแก้ไข
การขาดแคลนอัตรากำลัง
สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา หรือ สอศ. ได้ดำเนินการสำรวจจำนวนครูอาชีวศึกษาทั้งหมดที่ใช้ในการเรียนการสอนในสถานศึกษาทั้งของรัฐบาลและเอกชน และสำหรับการศึกษาทุกระดับ (จากสถานศึกษา 426 แห่ง) โดยใช้เกณฑ์ที่ ก.ค.ศ. กำหนด (จำนวนครู:จำนวนนักเรียน = 1:30) สามารถวิเคราะห์ได้ว่า ในภาพรวม สถานศึกษาอาชีวศึกษาภาครัฐขาดแคลนครู จำนวน 17,846 คน เนื่องจากจำนวนครูตามเกณฑ์ควรต้องมีจำนวนทั้งสิ้น 33,423 คน และปัจจุบันมีครูเพียง 15,577 คน
ในขณะที่จำนวนครูของสถานศึกษาอาชีวศึกษาเอกชนมีทั้งสิ้น 11,560 คน และข้อมูลเฉลี่ยของแต่ละสถานศึกษามีอัตราส่วนจำนวนครูต่อจำนวนนักเรียนเท่ากับ 1:27 ต่ำกว่าเกณฑ์ที่ ก.ค.ศ.กำหนดไว้ จึงถือว่าสถานศึกษาอาชีวศึกษาเอกชนไม่มีปัญหาการขาดแคลนครู
นอกจากนี้ สถานภาพของครูบางส่วนยังเป็นครูอัตราจ้าง ซึ่งไม่มีความแน่นอนในการประกอบวิชาชีพ (ต่างกับข้าราชการ) ทำให้มีการเคลื่อนย้ายจากสถานศึกษาไปสู่สถานประกอบการตลอดเวลา เพราะไม่ได้รับการบรรจุเป็นข้าราชการ
ดังนั้น จึงควรดำเนินการแก้ไขโดยรีบด่วนในประเด็นที่สำคัญคือ
-สอศ. ต้องดำเนินการขออัตรากำลังที่ขาดแคลนอยู่ในปัจจุบัน (โดยเป็นอัตราข้าราชการ)
-รักษาอัตรากำลังที่มีอยู่ในปัจจุบัน โดยขออัตราผู้เกษียณอายุคืนในปีงบประมาณถัดไป
-เร่งและขยายการดำเนินการในโครงการอบรมครูในสถานประกอบการ เพื่อเสริมและสนับสนุนการจัดการอาชีวศึกษาระบบทวิภาคี
การผลิต
การผลิตครูอาชีวศึกษามีความสำคัญต่อการจัดกระบวนการเรียนรู้ทางด้านอาชีวศึกษาเป็นอย่างมาก สิ่งสำคัญอยู่ที่กระบวนการผลิต หากการผลิตครูอาชีวศึกษามีขั้นตอนและแนวทางที่ชัดเจนก็จะสามารถสรรหาบุคคลเพื่อเป็นครูอาชีวศึกษาที่มีคุณสมบัติตามที่สถานศึกษาอาชีวศึกษาต้องการ ส่วนหนึ่งของปัญหาที่เกิดขึ้นในการผลิตครูอาชีวศึกษาปัจจุบันก็คือ การมีสถาบันการศึกษาที่สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษาหลายแห่งผลิตครูอาชีวศึกษา โดยระยะเวลาในการศึกษามีทั้ง 4 ปี และ 5 ปี
นอกจากนั้นคุรุสภายังใช้มาตรฐานวิชาชีพเดียวกันสำหรับครูที่สอนขั้นพื้นฐานและครูอาชีวศึกษา อีกทั้งสถานศึกษาอาชีวศึกษาต่างๆ มีความต้องการครูอาชีวศึกษาสาขาวิชาชีพต่างๆ เป็นอย่างมาก แต่ไม่ได้ครูอาชีวศึกษาที่มีคุณสมบัติต่างๆ ตามที่ต้องการ ในปัจจุบันผู้ที่เข้าเป็นครูในสถานศึกษาอาชีวศึกษาส่วนใหญ่เป็นผู้ที่จบการศึกษาในระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ หรือ ปวช. แล้วเข้าสู่การศึกษาในระดับปริญญาตรี โดยไม่มีประสบการณ์การทำงานในสถานประกอบการ ทำให้ไม่มีความรู้เกี่ยวกับกระบวนการและบรรยากาศของการทำงานที่เพียงพอ
การมีประสบการณ์ในสถานประกอบการ คือผ่านการปฏิบัติงานจริง มีความสำคัญอย่างมากต่อการสอน เพราะจะส่งผลสำคัญให้การถ่ายทอดองค์ความรู้ต่างๆ และการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าสามารถดำเนินการได้อย่างเป็นรูปธรรม และมีขั้นตอนที่ชัดเจน ครูอาชีวศึกษาจะต้องมีความเชี่ยวชาญ
ทั้งในภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติพร้อมกันไปซึ่งเป็นลักษณะเฉพาะที่แตกต่างจากครูระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน
จึงควรจัดให้มีนโยบายยกคุณภาพการผลิตครูอาชีวศึกษาด้วยวิธีการดังต่อไปนี้
-ให้มีกระบวนการคัดกรองคนดี คนเก่ง มาเป็นครู โดยคัดเลือกจากผู้จบการศึกษาด้วยค่า GPA สูง กำหนดให้ทุนการศึกษา โดยมีข้อกำหนดในสัญญาให้ทุนการศึกษา ว่าต้องเข้ารับราชการเป็นครูในสถานศึกษาที่อยู่ใกล้ที่อยู่ เพื่อลดปัญหาค่าใช้จ่ายส่วนตัว และค่าใช้จ่ายของทางราชการในการสร้างบ้านพัก
-สอศ.ทำสัญญากับมหาวิทยาลัยที่ผลิตครูอาชีวศึกษา แล้วให้ทุนแก่นักศึกษาครูอาชีวศึกษาผ่านมหาวิทยาลัยดังกล่าว โดยมหาวิทยาลัยนั้นควรต้องตั้งอยู่ใกล้กับที่อยู่ของผู้ได้รับทุนการศึกษามากกว่ามหาวิทยาลัยอื่นๆ
-กระทรวงศึกษาธิการพิจารณาตกลงกับมหาวิทยาลัยที่ผลิตครูอาชีวศึกษาให้ใช้หลักสูตรการผลิตครูอาชีวศึกษาที่มีระยะเวลา 5 ปี
-กำหนดอัตราเงินเดือนและค่าตอบแทนครูอาชีวศึกษาให้พียงพอและเหมาะสมกับการดำรงชีพ
การบริหารงานบุคคล
ขวัญและกำลังใจของบุคลากรในองค์กรมีความสำคัญมากที่สุดต่อความสำเร็จและความก้าวหน้าของการพัฒนาองค์กรไปสู่เป้าหมายที่ตั้งไว้ ดังนั้น ในส่วนของการบริหารงานบุคคลจึงควรดำเนินการปรับปรุงและแก้ไขดังนี้
-กระทรวงศึกษาธิการพิจารณาสั่งให้ สอศ. มอบอำนาจด้านการบริหารงานบุคคลให้แก่สถานศึกษาในกำกับ ตามที่ระบุไว้ในพระราชบัญญัติการอาชีวศึกษา พ.ศ.2551
-กระทรวงศึกษาธิการควรกำหนดนโยบายยกระดับมาตรฐานครูวิชาชีพหรือครูอาชีวศึกษา โดยมอบหมายให้ สอศ.จัดทำมาตรฐานวิชาชีพครูอาชีวศึกษา ร่วมกับคุรุสภา และมหาวิทยาลัยที่ผลิตครูอาชีวศึกษา
-กระทรวงศึกษาธิการพิจารณาจัดตั้งหน่วยงานที่มีระดับและอำนาจหน้าที่เหมือนกับคุรุสภา แต่รับผิดชอบการบริหารงานบุคคลของการศึกษาสายวิชาชีพ (อาชีวศึกษา) พร้อมทั้งปรับปรุงแก้ไขพระราชบัญญัติกฎกระทรวง ระเบียบ ข้อบังคับ คำสั่งต่างๆ ของคุรุสภาให้สอดคล้องกับการนำนโยบายไปปฏิบัติ
การพัฒนา
การพัฒนาครูอาชีวศึกษา เป็นเรื่องที่มีความสำคัญและมีความจำเป็นไม่น้อยกว่าการผลิต การพัฒนาจะช่วยเพิ่มสมรรถนะครูในด้านการถ่ายทอดความรู้สู่ผู้เรียนได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ถ้าสามารถผลิตครูอาชีวศึกษาให้มีคุณภาพและมีคุณสมบัติตามที่ต้องการแล้ว การพัฒนาครูอาชีวศึกษาก็เป็นเรื่องสามารถดำเนินการได้เช่นเดียวกัน โดย สอศ. ควรจัดทำแผนพัฒนาครู โดยมีกรอบการดำเนินการคือ
-นำทักษะด้านต่างๆ ที่กำหนดในมาตรฐานวิชาชีพครูอาชีวศึกษามาเป็นเป้าหมายของแผนฯ
-จัดทำแผนการพัฒนาครูตามห้วงเวลาการเจริญเติบโตในสายอาชีพของครูอาชีวศึกษา โดยจัดให้มีหลักสูตรการอบรมที่ชัดเจนและสอดคล้องกับสถานการณ์ของประเทศและการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี
-จัดให้มีการประเมินผลการอบรมที่เหมาะสม และให้มีผลต่อการขึ้นเงินเดือนประจำปีของครู
-จัดให้มีกระบวนการติดตามว่าครูได้นำความรู้ที่ได้รับจากการอบรมตามแผนที่กล่าวถึงไปใช้ประโยชน์ในการจัดการศึกษาอย่างไร
นอกจากนี้ กระทรวงศึกษาธิการควรสนับสนุนด้านกำลังคนและงบประมาณให้แก่สำนักพัฒนาสมรรถนะครูและบุคลากรอาชีวศึกษา (สสอ.) และชมรมครู เพื่อ (1) ฝึกอบรมและพัฒนาครู บุคลากรการอาชีวศึกษาและครูในสถานประกอบการ (2) วิจัยและพัฒนาสื่อเทคโนโลยีการอาชีวศึกษาและฝึกอบรมวิชาชีพ (3) ผลิตและบริการเครื่องจักรกลและเทคโนโลยี (4) พัฒนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการเรียนการสอน
รัฐบาลปัจจุบันมีความพยายามอย่างจริงจังในการแก้ปัญหาการอาชีวศึกษา ทั้งในส่วนของการสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับการอาชีวศึกษา การส่งเสริมการอาชีวศึกษาเฉพาะทาง การส่งเสริมการศึกษาทวิภาคี และยกระดับการอาชีวศึกษาสู่สากล โดยมีเป้าหมายและสนับสนุนให้มีผู้เรียนสายอาชีวศึกษาเพิ่มมากขึ้น เพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการกำลังคนในการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศด้านอุตสาหกรรม พาณิชยกรรม เกษตรกรรม การท่องเที่ยวและการบริการ
แต่สิ่งสำคัญที่สุดในการจัดการศึกษาทุกระดับคือ ครูผู้สอน สถานภาพครูอาชีวศึกษาในปัจจุบันจำเป็นต้องได้รับการแก้ไขปรับเปลี่ยนและให้การสนับสนุนอย่างเร่งด่วน ทั้งในเรื่องของแนวทางการผลิต การพัฒนา และมาตรฐานวิชาชีพครู
หากปฏิรูปการศึกษาได้ผลสำเร็จ ประชาชนในประเทศจะเป็นประชาชนที่มีคุณภาพเช่นเดียวกับพลเมืองของประเทศที่พัฒนาแล้ว และการปฏิรูปประเทศในด้านต่างๆ ก็สามารถดำเนินการให้สำเร็จได้โดยใช้ระยะเวลาที่ไม่นานจนเกินไป
รศ.วุฒิชัย กปิลกาญจน์
คณะอนุกรรมาธิการการอาชีวศึกษา
คณะกรรมาธิการการศึกษาและการกีฬา สภานิติบัญญัติแห่งชาติ