สตีเฟน ฮอว์กิ้ง : โดย เฉลิมพล พลมุข

ภาพจาก : nationalaccordnewspaper.com

ชีวิตคนหนึ่งคนที่เกิดขึ้นมาในโลกนี้แล้วได้สร้างคุณูปการให้แก่ชาวโลกได้อย่างยิ่งใหญ่มหาศาล โดยเฉพาะในแวดวงวิชาการหรือวิทยาศาสตร์สมัยใหม่ที่ชาวโลกต่างสงสัยในความรู้ในเรื่องของชีวิต โลก จักรวาล เป็นที่ยอมรับกันในระดับนานาชาติทั่วโลก เขาคนนั้นก็คือนักฟิสิกส์ ที่ได้ไขความลับของโลกวิทยาศาสตร์

สตีเฟน ฮอว์กิ้ง (Stephen Hawking) เกิดเมื่อวันที่ 8 มกราคม 1942 ที่เมืองออกซ์ฟอร์ด ประเทศอังกฤษ เป็นบุตรคนโตในจำนวนพี่น้อง 4 คน บิดาคือ แฟรงก์ ฮอว์กิ้ง เป็นนักชีววิทยา และมารดา อิซาเบล ฮอว์กิ้ง เป็นนักวิจัยทางการแพทย์ ในปี 1959 ได้รับทุนเรียนที่มหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด สาขาวิทยาศาสตร์ธรรมชาติ (Natural Science) ในปี 1962 ได้รับทุนวิจัยระดับบัณฑิตศึกษาด้านจักรวาลวิทยา ที่มหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ วิทยานิพนธ์ที่มีชื่อว่า “คุณสมบัติของจักรวาลที่ขยายตัว” มีผู้ชมมากกว่าสองล้านครั้ง และได้รับรางวัลโนเบลสาขาฟิสิกส์ในปี 2017

ในปี 1963 ได้ป่วยเป็นโรคเซลล์ประสาทนำคำสั่งเสื่อม (Motor Neurone Disease-MND) หรือแตลอดชีวิต มีความผิดปกติของระบบเส้นประสาทโดยแพทย์ให้ความเห็นว่าจะมีชีวิตอยู่ต่อไปได้อีกสองปี หลังจากนั้นก็ได้แต่งงานกับเจน ไวลด์ มีบุตรชายชื่อโรเบิร์ต กับทิโมธี และบุตรสาวชื่อลูซี่ และได้รับแต่งตั้งเป็นสมาชิกราชบัณฑิตยสถานของอังกฤษที่มีอายุน้อยที่สุด มีตำแหน่งศาสตราจารย์สาขาฟิสิกส์แรงโน้มถ่วงที่มหาวิทยาเคมบริดจ์ และได้รับการแต่งตั้งเป็น เมธีคณิตศาสตร์ ลูเคเชียน (Lucasian Chair of Mathematics) ซึ่งเป็นตำแหน่งเดียวกับที่ เซอร์ ไอแซก นิวตัน เคยได้รับตำแหน่งนี้

ความเจ็บป่วยที่ได้รับการผ่าตัดโรคปอดบวมทำให้ต้องสูญเสียระบบการพูด ต้องสื่อสารผ่านอุปกรณ์สังเคราะห์เสียงอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Voice Synthesizer) หลายครั้งหลายคราที่ได้ถูกถามถึงความเจ็บป่วยก็มีคำตอบที่ว่า “ผมเคยถูกถามบ่อยครั้งว่า รู้สึกอย่างไรเมื่อต้องใช้ชีวิตอยู่กับโรคดังกล่าว คำตอบของผมก็คือ ไม่มีอะไรมากผมพยายามใช้ชีวิตอย่างเป็นปกติเท่าที่จะทำให้ไม่คิดถึงอาการป่วยมากนัก” ผลงานด้านหนังสือที่เกี่ยวกับจักรวาลวิทยาชื่อ A Brief History of Time เป็นหนังสือที่ขายดีมากกว่า 10 ล้านเล่ม และมีผู้สร้างภาพยนตร์เรื่อง The Theory of Everything หรือทฤษฎีรักนิรันดร ที่นำแสดงโดย เอ็ดดี้ เรดเมย์น รับบทเป็นฮอว์กิ้ง…

Advertisement

ในปี 2007 ศ.ฮอว์กิ้ง ซึ่งเป็นผู้ป่วยที่อัมพาตทั้งแขนขาคนแรกที่ได้สัมผัสถึงประสบการณ์ภาวะไร้น้ำหนักบนเครื่องบินที่ออกแบบมาเพื่อสร้างสภาพไร้แรงโน้มถ่วงขึ้นบนโลก โดยเจตนาของเขาก็คือเพื่อสร้างแรงจูงใจให้ผู้คนต่างๆ ทั่วโลกหันมาสนใจในการเดินทางไปในอวกาศมากขึ้นในอนาคต…(BBC.Com)

ก่อนที่จะเสียชีวิตได้มีการเตือนในหลักของวิชาการที่ว่า “สิ่งมีชีวิตบนโลกกำลังเผชิญความเสี่ยงที่จะถูกกวาดล้างจนสูญพันธุ์มากขึ้นเรื่อยๆ ทั้งจากสงครามนิวเคลียร์ ไวรัสที่ถูกดัดแปลงพันธุกรรม มนุษย์นั้นไร้อนาคตหากเราไม่ออกไปใช้ชีวิตในห้วงอวกาศ และได้เตือนว่ามนุษย์ต่างดาวอาจจะบุกยึดโลกมนุษย์เราเพื่อยึดครองทรัพยากรต่างๆ ก่อนที่เขาเหล่านั้นจะมีการโยกย้ายไปยังดวงดาวอื่นๆ …

วันที่ 14 มีนาคม 2018 (พ.ศ.2561) ฮอว์กิ้งได้เสียชีวิตลงในบ้านพักเมืองเคมบริดจ์ ประเทศอังกฤษ ซึ่งตรงกับวันคล้ายวันเกิดของอัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ และตรงกับวันเสียชีวิตของกาลิเลโอ กาลิเลอี ที่เป็นนักวิทยาศาสตร์ที่มีชื่อของประเทศอิตาลี ตลอดระยะเวลาอายุ 76 ปี ได้สร้างแรงบันดาลให้แก่ผู้คนต่างๆ ทั่วโลกทั้งเด็กเยาวชนรุ่นใหม่ นักวิชาการในศาสตร์และสาขาที่เกี่ยวข้อง อาจจะรวมไปถึงคนพิการในประเภทต่างๆ ที่บ่งบอกถึงศักยภาพของมนุษย์มิมีสิ่งใดมาขวางกั้นถึงอุปสรรคของชีวิตที่จะต้องไปให้ถึงความสำเร็จ…

ศ.ฮอว์กิ้งเป็นผู้ค้นพบปรากฏการณ์ที่เรียกว่า “การแผ่รังสีฮอว์กิ้ง” (Hawking Radiation) ก็คือการที่หลุมดำมีการรั่วไหลของพลังงานจนค่อยๆ ระเหยหมดไปในที่สุด รวมถึงการค้นพบทฤษฎีสัมพัทธภาพและหลักกลศาสตร์ควอนตัมเข้าด้วยกันหรือทฤษฎีแห่งสรรพสิ่ง (Theory of everything) ที่มีคำถามที่ว่า จักรวาลถือกำเนิดขึ้นอย่างไร กำลังจะไปในทิศทางไหน จะมีจุดจบหรือไม่ อย่างไร อาจจะรวมไปถึง เราจะรู้ถึงจิตใจของพระผู้เป็นเจ้าได้อย่างไร…

ในทฤษฎีฟิสิกส์ที่เกี่ยวข้องกับ “หลุมดำ” มีความเห็นว่ามีหลุมดำขนาดเล็กมากที่โคจรอยู่รอบโลกสามารถที่จะให้พลังงานสำหรับคนทั้งโลกหรือเรียกว่าหลุมดำขนาดจิ๋วมีความสามารถในการปล่อยรังสีเอกซเรย์และรังสีแกมมาออกมาในระดับสูง เทียบได้เท่ากับปริมาณพลังงานถึง 10 ล้านเมกะวัตต์และมนุษย์เราก็ไม่สามารถนำหลุมดำมาเก็บไว้ในโรงไฟฟ้าได้ เพราะหลุมดำจะผ่านโรงไฟฟ้าไปอยู่ที่ตรงกลางของโลกมนุษย์…

ท่านผู้อ่านหลายท่านอาจจะเห็นด้วยกับผู้เขียนที่ว่า โลกของชีวิต จักรวาล อวกาศ ยังคงเป็นสาขาหรือศาสตร์ที่คู่กับมนุษย์มาตั้งแต่ครั้งโบราณกาลจนกระทั่งถึงปัจจุบัน หลักสูตรการศึกษาตั้งแต่ระดับเริ่มต้นไปจนกระทั่งระดับปริญญาเอก ต่างก็ให้ความสนใจทั้งวิทยาศาสตร์บริสุทธิ์และวิทยาศาสตร์ประยุกต์ หลายครั้งคราที่คนยุคปัจจุบันก็แสวงหาคำตอบของชีวิตเพื่อความกระจ่าง อาทิ ชีวิตเกิดมาได้อย่างไร สิ่งใดที่ก่อกำเนิดโลก จักรวาลมีขอบเขตอาณาเขตหรือไม่ สิ่งมีชีวิตนอกจากในโลกเรานี้แล้วยังมีอยู่ในโลกอื่นหรือไม่ มนุษย์ต่างดาวมีจริงหรือไม่ หรือแม้กระทั่งโรคบางโรคซึ่งการแพทย์สมัยใหม่ยังไม่มีวิธีการรักษาให้หายขาดเกิดขึ้นได้อย่างไร…

เด็กเยาวชนคนหนุ่มสาวยุคใหม่หลายประเทศทั่วโลกที่สามารถเข้าถึงระบบเทคโนโลยีสมัยปัจจุบันอย่างรวดเร็ว หลายๆ คนปฏิเสธความเชื่อเรื่องพระผู้เป็นเจ้า นรก-สวรรค์ บาป-บุญ โลกนี้-โลกหน้า หรือแม้กระทั่งพระหรือนักบวชในศาสนาบางคนก็ยังมีความสงสัยในเรื่องดังกล่าวซึ่งมีงานวิจัยหลายชิ้นทั้งที่อยู่ในเมืองไทยเราและต่างชาติต่างก็นำเสนอทั้งข้อมูลเชิงประจักษ์และข้อมูลที่เป็นความคาดหวังของอนาคต

เราท่านในฐานะที่เป็นผู้ที่เกิดก่อนเขาเหล่านั้นจะมีข้ออธิบายให้ความกระจ่างแก่เด็กคนรุ่นใหม่ให้เข้าถึงความรู้ ความจริง ความเชื่อ ความดี ความงามที่แท้จริงได้อย่างไร

ในรอบปีที่ผ่านมาเมืองไทยเราได้พบช้างเผือก หรือเด็กเยาวชนไทยที่สนใจในวิชาชีววิทยา เคมี คณิตศาสตร์ รวมไปถึงวิชาฟิสิกส์ ได้ไปแข่งและรับรางวัลระดับนานาชาติก็มีจำนวนหนึ่งไม่มากนักหากเทียบกับสัดส่วนของนักเรียนหรือนักศึกษาทั่วประเทศ การศึกษาในศาสตร์สาขาดังกล่าวยังคงเป็นประเด็นหนึ่งของการปฏิรูปการศึกษาของเมืองไทยเรา ข้อเท็จจริงหนึ่งก็คือ มีเด็กเยาวชนที่สนใจในศาสตร์สาขาดังกล่าวอยู่ในจำนวนที่น้อยนิด ก็จะเป็นผลกระทบไปถึงการเรียนการสอนและการบริหารการศึกษา

ผู้บริหารมหาวิทยาลัยในเมืองไทยเราหลายแห่งมิได้ให้ความสำคัญกับศาสตร์และสาขาดังกล่าวอย่างจริงจังและจริงใจ หัวหน้า คสช. พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีในขณะนี้มีปัญหาต่างๆ รุมล้อมรอบด้าน ฟิสิกส์ก็เป็นส่วนหนึ่งในอนาคตของชาติในวันข้างหน้าจะได้รับการสนใจในศาสตร์ดังกล่าวรวมอยู่ด้วยหรือไม่…

มีหลากหลายคำถามที่มีต่อฮอว์กิ้งที่ว่า “สิ่งมีชีวิตทรงภูมิปัญญา” หรือมนุษย์ต่างดาวในอวกาศ เขาเองก็มีความเห็นว่า “เป็นไปได้” ซึ่งอารยธรรมต่างดาวเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีความก้าวหน้ามากพอที่จะท่องเที่ยวไปในจักรวาลและยังกล่าวเตือนเกือบทุกครั้งที่ว่า หากเมื่อวันเวลาหนึ่งมาถึง มนุษยชาติในโลกเรานี้ต้องเผชิญกับมนุษย์ต่างดาวแล้วจะมีวิธีการกับเขาเหล่านั้นด้วยท่าทีอย่างไร คนหรือมนุษย์ในโลกนี้ยุคปัจจุบันมีความเชื่อในเรื่องดังกล่าวอยู่หรือไม่…

หลักการคำสอนของศาสนาที่เชื่อเรื่องพระผู้เป็นเจ้าและศาสนาที่ปฏิเสธเรื่องพระเจ้า อาจจะรวมถึงความเชื่ออื่นๆ ทั้งนักบวชนักวิชาการทางด้านศาสนาในอดีตและปัจจุบันที่ผ่านมาต่างก็แสวงหาคำตอบเพื่ออธิบายให้แก่คนรุ่นใหม่อย่างเป็นวิทยาศาสตร์หรือด้วยความเป็นเหตุเป็นผล มนุษย์เรามีข้อจำกัดในความรู้และความจริงในการเข้าถึงข้อมูลนั้นๆ ในจำนวนมากของศักยภาพของคน ความรู้หรือสิ่งที่เราท่านพบเห็นในปัจจุบันที่สื่อทั้งต่างชาติและในเมืองไทยเราถูกนำเสนอในช่วงวันเวลาที่ผ่านมาก็คือ มีความเชื่อเรื่องผี วิญญาณ การระลึกชาติได้ มนุษย์ต่างดาว ที่มีนักวิชาการแพทย์และนักวิทยาศาสตร์ที่มีชื่อเสียงของเมืองไทยเราได้ติดตามหรือสนใจในเรื่องดังกล่าวมาอย่างต่อเนื่อง เขาเหล่านั้นมีท่าทีอย่างไรกับสิ่งดังกล่าวที่สังคมแห่งความรู้ของผู้คนในปัจจุบันดูเสมือนจะมีความเชื่ออย่างไร้ทิศทาง…

คำสอนของศาสนาที่นับถือพระผู้เป็นเจ้า ผู้คน สัตว์ ป่าไม้ ภูเขา แม่น้ำในโลกนี้หรือจักรวาลถูกออกแบบโดยพระผู้เป็นเจ้า แม้แต่การดำรงชีวิตความสุข-ทุกข์ รวย-จน ป่วย-ไม่ป่วยหรือสิ่งอื่นๆ ตลอดถึงการตายและโลกหลังความตายก็เนื่องด้วยต้องรับการพิพากษาตัดสินด้วยพระผู้เป็นเจ้า คำสอนในศาสนาพุทธที่เป็นอภิปรัชญา (Mataphysics) ที่พระพุทธองค์ไม่ทรงตอบปัญหาในพระสูตรที่ชื่อว่าจูฬมาลุงกยสูตรก็คือ โลกเที่ยง-ไม่เที่ยง โลกมีที่สุด-ไม่มีที่สุด ชีวะ (วิญญาณ) กับสรีระ (ร่างกาย) ต่างกัน-ไม่ต่างกัน ตถาคต (สัตว์) ตายแล้วเกิด-ตายแล้วสูญ หรือแม้แต่ตถาคตตายแล้วเกิด-ไม่เกิด หลักการดังกล่าวมีในความเชื่อของเถรวาทและมหายาน หรือความเชื่ออื่นๆ ก็มีความต่างกัน…

ปัญหาหนึ่งของอภิปรัชญาดังกล่าว พระมาลุงกยบุตรได้รับคำตอบจากพระพุทธเจ้าที่ว่า หากใครคนหนึ่งถูกยิงด้วยลูกศรที่มียาพิษร้ายแรงควรจะไปพบแพทย์ที่มีความชำนาญงานในการรักษา ไม่ควรมาเสียเวลาที่จะถามว่า ใครเป็นคนยิง ชื่อว่าอะไร อยู่หมู่บ้านอะไร ใช้ยาพิษอะไร ก็จะทำให้เสียเวลาและอาจจะเสียชีวิตไปก่อนจะได้รับคำตอบ หลักการคำสอนของชาวพุทธหนึ่งก็คือการใช้สติปัญญาด้วยหลักของความเป็นเหตุเป็นผล หรือหลักการของกาลามสูตร

ชาวพุทธในเมืองไทยเราส่วนหนึ่งต่างก็มีความเชื่อและนับถือในพุทธศาสนา ทำบุญตักบาตร ถวายสังฆทานในรอบหนึ่งปีมีงานบุญต่างๆ มากมายการสละทรัพย์สิน เงินทอง สิ่งของของตนเอง บางคนอาจจะอุทิศทั้งเวลาและชีวิตเพื่อถวายให้แด่พระศาสนา วัดหลายแห่งก็คาดหวังถึงความสุขในชีวิตปัจจุบันและโลกหลังจากความตายคือ เทวดา เทพ สวรรค์ หลายคนมิปรารถนาที่จะไปพบกันในนรก ภาพที่เราพบเห็นที่มีการวาดเขียน ปั้นไว้ในที่ต่างๆ ล้วนแล้วแต่ต้องพบกับความทุกข์กาย-ทุกข์ใจ

หลายๆ คนตั้งข้อสงสัยที่ว่า สิ่งที่เราทำบุญไปนั้นจะเป็นบุญจริงๆ หรือไม่…

ในหลวงรัชกาลที่ 9 ที่พระองค์ท่านได้สวรรคตไปไม่นานนัก 13 ตุลาคม พ.ศ.2559 งานพระบรมศพที่ได้จัดขึ้นที่ท้องสนามหลวง ประชาชนผู้คนทั้งคนไทยและชาวต่างชาติต่างก็เศร้าโศกเสียใจในการจากไป ทุกๆ วันจะมีผู้คนที่เข้าไปกราบถวายบังคมพระบรมศพอย่างต่อเนื่อง ก็ด้วยคุณูปการของพระองค์ท่านที่ให้ไว้กับสังคมไทยตลอดการครองราชย์เจ็ดสิบปี

โครงการพระราชดำริที่มากกว่าสี่พันโครงการ พระองค์ท่านได้ทรงงานด้วยพระองค์เอง ทดลอง วิจัย สังเกตเรียนรู้และนำไปใช้อย่างได้ผล อาทิ โครงการฝนหลวง แกล้งดิน การปลูกหญ้าแฝก หรือแม้กระทั่งการพระราชทานแนวคิดเศรษฐกิจพอเพียงสำหรับคนไทยไว้อย่างชัดเจน พระองค์ท่านได้ใช้ความรู้ในกฎของฟิสิกส์ วิทยาศาสตร์สมัยใหม่เพื่อคนไทยให้มีความสุข เราท่านได้เดินตามรอยของพระองค์ท่านเป็นอย่างดีแล้วหรือไม่…

เฉลิมพล พลมุข

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image