ออเจ้า อย่าเพิ่งหงุดหงิด : โดย เรืองชัย ทรัพย์นิรันดร์

พรุ่งนี้วันสุดท้ายของเดือนมีนาคม ถัดไปเป็นวันอาทิตย์ที่ 1 เมษายน แม้ฝรั่งมังค่าจะยกเป็นวันโกหก แต่ชาวเอเชีย โดยเฉพาะประเทศไทยมิได้เป็นเช่นนั้น กลับเป็นวันเริ่มต้นหลายหน่วยงานที่ล้นเกล้าฯ รัชกาลที่ 5 และรัชกาลที่ 6 ทรงริเริ่มไว้หลายอย่าง อาทิ การรถไฟ การไปรษณีย์ การประปา ออมสินและกระทรวงทบวงกรม

เนื่องจากตรงกับวันอาทิตย์ ราชการหยุด การบ้านการเมืองจึงต้องไปเริ่มต้นวันจันทร์ที่ 2 เมษายน

นับจากวันนี้ พรรคการเมืองหน้าใหม่ต้องระดมสมาชิกก่อตั้งให้ได้ 500 คน ที่จ่ายค่าสมัครคนละ 1,000 บาท จากนั้นจึงจัดกิจกรรมประชุมพรรค เลือกหัวหน้าพรรค เลขาธิการพรรค และตำแหน่งอื่นเท่าที่จำเป็น อาจมีรองหัวหน้าพรรค และรองเลขาธิการหลายคน นอกนั้นเป็นตำแหน่งละคนสองคน คือเป็นหัวหน้าและรองหัวหน้า เช่น เหรัญญิก และผู้ช่วยเหรัญญิก ทำไมไม่มีรองเหรัญญิกไม่รู้เหมือนกัน

อีกตำแหน่งหนึ่งที่สำคัญ คือ โฆษกพรรค รองโฆษกพรรค อาจมีผู้ช่วยโฆษกพรรคอีกได้เช่นกัน

Advertisement

ตำแหน่งที่สำคัญไม่น้อยกว่าหัวหน้าพรรค คือประธานที่ปรึกษาพรรค อาจมีพรรคหนึ่งพรรคใดเชิญ หรือแต่งตั้งให้พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติอยู่ในตำแหน่งนี้ เพื่อจะได้เสนอชื่อให้เป็นนายกรัฐมนตรีคนใน ไม่ต้องใช้คนนอกให้เป็นที่ครหาเปล่าๆ ปลี้ๆ

ทุกวันนี้ พบใครต่อใครต่างถามแบบกระซิบเบาๆ ว่า จะมีเลือกตั้งไหม มีเลือกตั้งเดือนกุมภาพันธ์ปีหน้า แน่นะ… คงไม่มีเลือกตั้งกะมัง เห็นว่าอาจต้องเลื่อนแล้วเลื่อนอีกสองสามหน ไปเลือกเอาปลายปีโน่น

ได้รับคำตอบว่า มีเลือกตั้งแน่ แต่เป็นเมื่อไหร่ไม่รู้

Advertisement

อีกสองวัน เราจะได้รับรู้ว่า พรรคการเมืองไหนมีโอกาสส่งผู้สมัครรับเลือกตั้งได้บ้าง

ที่ส่งสมัครแน่นอน เห็นจะเป็นพรรคเก่าสี่ห้าพรรค คือประชาธิปัตย์ เพื่อไทย ชาติไทยพัฒนา ชาติพัฒนา ภูมิใจไทย และที่เป็นพรรคใหม่ ต้องส่งลงสมัครแน่ เช่น พรรคอนาคตใหม่ พรรคประชาชนปฏิรูป กลุ่มวาดะห์ ยังไม่รู้ชื่อพรรค ใครเป็นหัวหน้าพรรค ใครเป็นเลขาธิการพรรค ทั้งยังไม่ทราบว่า กลุ่ม กปปส.จะใช้ชื่อพรรคว่าอย่างไร ใครเป็นหัวหน้า ใครเป็นเลขาธิการพรรค

หากวันเลือกตั้งเป็นวันอาทิตย์ใดวันอาทิตย์หนึ่งของเดือนกุมภาพันธ์ 2562 ขณะนี้ นับถอยหลังเป็นเดือน อีกเพียง 10 เดือนกับอีก 24 วัน เพราะวันที่ 24 ตรงกับวันอาทิตย์สุดท้ายของเดือนกุมภาพันธ์ 2562 สองสามสัปดาห์ที่ผ่านมา มีกลุ่มผู้ต้องการเลือกตั้งจำนวนหนึ่งออกมาเรียกร้องให้ยกเลิกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ยกเลิกการใช้มาตรา 44 แม้ในรัฐธรรมนูญจะอนุญาตไว้ รวมถึงประกาศ คำสั่งของคณะรักษาความสงบแห่งชาติที่เป็นอุปสรรคกับกิจกรรมทางการเมือง มิฉะนั้นจะอิหลักอิเหลื่อผู้ที่จะดำเนินการทางการเมืองจะทำกิจกรรมอะไรไม่ได้สักอย่าง หรือได้เพียงอย่างสองอย่างที่ต้องไม่ผิดไปจากประกาศ หรือคำสั่งนั้น

โดยเฉพาะการวิพากษ์วิจารณ์ความไม่ชอบมาพากลของการได้มา ซึ่งอำนาจการปกครองรูปแบบเผด็จการ ซึ่งผู้นิยมการปกครองระบอบประชาธิปไตยคัดค้านมาตลอด เมื่อต้องหาเสียงกับเจ้าของเสียงในระบอบประชาธิปไตย คือประชาชน ต้องชี้ให้เห็นคุณประโยชน์ของประชาธิปไตย และชี้ให้เห็นโทษของเผด็จการ

ขณะเดียวกัน พรรคการเมืองตามกฎหมายบังคับ ต้องประกาศนโยบายให้ประชาชนคล้อยตาม หรือเห็นด้วย ไม่ว่านโยบายนั้นจะเพ้อฝัน เป็นไปไม่ได้ หรือเป็นไปได้อย่างไร

ประชาชนเจ้าของเสียงจะเป็นผู้ตัดสินด้วยการหย่อนบัตรเลือกนโยบายของพรรคนั้นพรรคนี้ด้วยตัวเอง แม้ว่าการเลือกตั้งจะไม่ได้หมายความถึงประชาธิปไตยเต็มรูปแบบ แต่การเลือกตั้งคือวิธีการหนึ่งที่ทำให้ระบอบประชาธิปไตยในความหมายนั้นขับเคลื่อนไปสู่ความสมบูรณ์ในวันหนึ่งข้างหน้า หากผู้มีสิทธิออกเสียงเลือกตั้งได้ศึกษา เรียนรู้ ถึงการได้มาซึ่งการปกครองระบอบประชาธิปไตยในวันหนึ่งข้างหน้า ดังนานาอารยประเทศผ่านรูปแบบการปกครองมาหลายวิธี ในที่สุดต้องลงเอยที่การเลือกตั้ง

การเรียกร้องให้มีการเลือกตั้งตามกำหนด จึงเป็นการเรียกหาสัจธรรมในหมู่ผู้ยึดอำนาจให้คืนอำนาจกลับมาสู่ประชาชนเท่านั้นเอง ไม่ได้หมายความเป็นอื่นแต่อย่างใด อย่าเพิ่งหงุดหงิดใช้อารมณ์ไปเลย ออเจ้า

เรืองชัย ทรัพย์นิรันดร์

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image