ทวงถาม 396 โรงพัก โดย สุริวงค์ เอื้อปฏิภาน

แฟ้มภาพ

เอ่ยคำว่า 396 โรงพักขึ้นมาทีไร ต้องนึกภาพออกกันทันที สภาพการก่อสร้างที่ทิ้งร้างเอาไว้ เห็นแต่เสาโผล่ขึ้นมาโด่เด่มีเถาวัลย์พันเลื้อย บางแห่งก็ขึ้นเป็นรูปร่างแต่ยังเป็นอิฐเปลือย จนเรียกเสียดสีกันว่าเป็นการสร้างสถานีตำรวจแนวบูติก

เรื่องนี้เปิดเผยเมื่อปี 2556 โดยนายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรครักประเทศไทย ในฐานะฝ่ายค้านในขณะนั้น ได้อภิปรายไม่ไว้วางใจ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ซึ่งตอนนั้นเป็นรองนายกรัฐมนตรีกำกับดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติ

เอาภาพถ่ายมาโชว์ จนตะลึงกันไปทั้งเมือง

แม้แต่ ร.ต.อ.เฉลิมก็ยังตะลึง เพราะโครงการนี้เกิดในยุครัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ที่มีนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เป็นรองนายกฯกำกับดูแลงานตำรวจ

Advertisement

ก็เลยมีการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบ เมื่อประกอบกับการออกมาเปิดเผยข้อมูลของนายชูวิทย์ ประชาชนคนไทยจึงได้เริ่มรู้ถึงเบื้องหน้าเบื้องหลัง

เรื่องนี้ผ่านมาหลายปี มีการแก้ไขทำให้การก่อสร้างเดินหน้าต่อไปได้ จนไม่มีภาพเดิมๆ นั้นให้เห็นกันอีกแล้ว

แต่กระนั้นก็ตาม คำว่า 396 โรงพัก ยังไม่เลือนหายไปไหน เพราะการตรวจสอบสวนหาคนกระทำผิดยังคาราคาซังอยู่

Advertisement

เรื่องยังค้างอยู่ที่คณะกรรมการ ป.ป.ช.

มาล่าสุดกรณีนี้มาเป็นข่าวอีกครั้ง เมื่อศาลได้มีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 29 มีนาคมนี้เอง ในคดีหมายเลขดำ อ.1940/2556 ที่นายสุเทพเป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายธาริต เพ็งดิษฐ์ ในฐานะอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ เป็นจำเลยที่ 1 บริษัทมติชน เป็นจำเลยที่ 2 บรรณาธิการหนังสือพิมพ์มติชน เป็นจำเลยที่ 3 บริษัทข่าวสด เป็นจำเลยที่ 4 บรรณาธิการหนังสือพิมพ์ข่าวสด เป็นจำเลยที่ 5

ฐานร่วมกันหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา

กรณีเมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์-5 มีนาคม 2556 นายธาริต จำเลยที่ 1 แถลงข่าวกล่าวหาโจทก์ขณะดำรงตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีว่า ทำเรื่องขอเปลี่ยนแปลงโครงการก่อสร้างสถานีตำรวจทดแทนจำนวน 396 โรงพัก จากสัญญาแยกรายภาค รวมเป็นสัญญารายเดียว ซึ่งเป็นการปฏิบัติหน้าที่มิชอบ อันเป็นข้อความเท็จ ทำให้โจทก์เสียหาย เสื่อมเสียชื่อเสียง

บทสรุปคือ ศาลมีคำพิพากษายกฟ้อง เพราะไม่เป็นการหมิ่นประมาทโจทก์

ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่าการก่อสร้างโรงพักทดเเทน 396 เเห่งนั้น ในทางนำสืบได้ความว่า ครม.ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ รับความเห็นของสำนักงบประมาณไปดำเนินการ เเต่ไม่ปรากฏว่าสำนักงานตำรวจแห่งชาติดำเนินการตามมติ ครม. เเละระเบียบสำนักนายกฯ จึงไม่เป็นไปตามวัตถุประสงค์ การก่อสร้างไม่ได้อยู่ในพื้นที่เดียวกัน

อีกทั้งทางนำสืบนายสุเทพโจทก์ยังเบิกความรับว่า เห็นชอบให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติรวมทำสัญญาเดียวกันเเละให้ยกเลิกการประมูลราคาเเยกรายภาค

จึงมีเหตุเชื่อว่านายสุเทพโจทก์ไม่ได้ทำตามมติ ครม.และระเบียบสำนักนายกฯ จึงฟังไม่ได้ว่าจำเลยที่ 1 ใส่ความโจทก์ การแถลงข่าวของจำเลยที่ 1 จึงเป็นไปตามอำนาจหน้าที่ที่จะแถลงข่าวเนื่องจากโครงการก่อสร้างโรงพักเป็นโครงการที่ประชาชนให้ความสนใจถือเป็นประโยชน์ต่อสาธารณะต่อประชาชน

ส่วนจำเลยที่ 2-5 เป็นสื่อมวลชน นำเสนอข่าวไปตามที่จำเลยที่ 1 แถลง ซึ่งเป็นการติชมโดยสุจริตด้วยความเป็นธรรม ซึ่งเป็นสิ่งที่บุคคลหรือสิ่งใดอันเป็นวิสัยของวิญญูชนกระทำ จึงไม่มีความผิดฐานหมิ่นประมาท

ที่จะต้องให้ข้อมูลเพิ่มเติมกันอีกนิดก็คือ โครงการนี้เกิดในรัฐบาลอภิสิทธิ์ ตอนนั้นตั้ง ผบ.ตร.ไม่ได้เกือบปี

ใช้วิธีแต่งตั้งผู้ทำหน้าที่รักษาราชการ ผบ.ตร.ไปเรื่อยๆ และการเปลี่ยนแปลงสัญญาจากแยกภาคมารวมเป็นสัญญาเดียว เกิดในตอนนั้น

………………

สุริวงค์ เอื้อปฏิภาน

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image