ผู้เขียน | เชตวัน เตือประโคน |
---|
เรื่องราวเริ่มต้นหลังปี พ.ศ.2428 เมื่ออังกฤษสามารถยึดครองพม่าไว้ได้ทั้งประเทศ
ผนวกเข้าเป็นส่วนหนึ่งของอินเดีย ซึ่งเป็นอาณานิคมของอังกฤษ
ขณะที่ พระเจ้าธีบอ (ครองราชย์ พ.ศ. 2421–2428) กษัตริย์องค์สุดท้าย ถูกเนรเทศไปอยู่รัตนบุรี นั่งส่องกล้องมองดูความเวิ้งว้างของท้องทะเล ฝันถึงการกลับบ้าน
ในยุคล่าอาณานิคมของชาติมหาอำนาจตะวันตก นอกจากเรื่องเผยแพร่ศาสนาอย่างที่เรามักเข้าใจแล้ว สิ่งที่คิดว่าเป็นหัวใจสำคัญ และน่าจะมีแรงกระตุ้นให้กองทัพอันเกรียงไกรจากตะวันตก ยาตราทัพเข้ารุกราน และยึดครองประเทศในแถบนี้ คือ เศรษฐกิจการค้า
ฮอลันดา ฝรั่งเศส โปรตุเกส สเปน อังกฤษ หรือแม้แต่อเมริกาเอง ต่างต้องการเข้ามาครอบครองเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่อุดมไปด้วยทรัพยากรธรรมชาติ
อย่างอังกฤษที่พยายามเข้ายึดครองพม่า
แม้สงครามในครั้งที่ 1 และ 2 อังกฤษจะได้ดินแดนทางใต้ติดทะเลของพม่าไว้แล้ว แต่กระนั้น ทรัพยากรที่อยู่ภายใน หรือทางพม่าตอนบนก็คือสิ่งล่อใจยิ่ง
หนึ่งในนั้นก็คือ ไม้สัก
นิยายอิงประวัติศาสตร์ “The Glass Palace” ผลงานของ “อมิตาพ โฆษ (Amitav Ghosh)” นักเขียนชาวอินเดียให้ภาพช่วงอังกฤษปกครองพม่า
ตอนหนึ่งฉายภาพการที่อังกฤษให้สัมปทานบริษัทต่างๆ เข้ามาดำเนินกิจการไม้สัก
ผู้เขียนนำเสนอไว้ได้เห็นภาพชัดมาก
เรื่องราวการเดินทางของ “ราชกุมาร” หนุ่มน้อยชาวอินเดียและพวก ที่ต้องนำของอย่างซิการ์ วิสกี้ ฯลฯ ไปส่งขายให้นายห้างชาวอังกฤษที่ปางไม้
“สิ่งที่แทบจะเลี่ยงไม่ได้คือพวกเขามักต้องเดินไปตามเชาหรือธารน้ำเชี่ยวกรากจากภูเขา ซึ่งจะมีท่อนซุงไหลตามน้ำลงไปยังที่ราบเบื้องล่างทุกๆ สองสามนาที การถูกท่อนซุงหนักกว่าสองตันกระแทกใส่กลางน้ำนั้นมีแต่พิการหรือตายสถานเดียว
“เมื่อต้องย้ายเส้นทางจากริมธารฝั่งหนึ่งไปยังอีกฝั่ง ใครสักคนต้องปีนขึ้นไปดูต้นทางและคอยตะโกนแจ้งช่วงว่างระหว่างซุงแต่ละท่อน…”
เป็นบทบรรยายของผู้เขียน ที่สะท้อนความคักคักและรุ่งเรืองยิ่งของกิจการทำไม้สักในพม่า
คิดดูสิว่าทุก ๆ 2-3 นาทีนั้นมากมายมหาศาลขนาดไหน
“เชา” หรือ “แม่น้ำ” เสมือนลมค้าสำหรับไม้สัก
หน้าแล้งน้ำแห้งช่างตัดไม้จะควานหาไม้สัก กานไม้ทิ้งไว้ให้ยืนต้นตาย 2-3 ปี
หน้าน้ำหลาก ล้มไม้ ใช้ช้างลาก ปล่อยให้ล่องไปยังเบื้องล่าง เต็มลุ่มอิระวดี
ผู้เขียนให้ความรู้ไว้ด้วยว่า ไม้สัก เป็นเครือญาติของสะระแหน่วงศ์ tectona grandis
“ใบสะระแหน่มีขนาดประมาณหัวแม่มือของราชกุมาร ในขณะที่ใบสักอีกใบใหญ่แทบบังรอยตีนช้างมิด ใบหนึ่งเป็นแค่พืชล้มลุกใช้ปรุงน้ำแกง ส่วนอีกใบมาจากต้นไม้ที่สามารถล้มราชวงศ์ ก่อเหตุรุกราน สร้างขุมความมั่งคั่ง กระทั่งเปลี่ยนชีวิตคน”
นี่เพียงความน่าสนใจส่วนหนึ่งของนิยายอิงประวัติศาสตร์ “The Glass Palace”
ผลงานระดับโลกนี้ สำนักพิมพ์มติชนแปลเป็นภาษาไทยครั้งแรก โดยใช้ชื่อปกว่า “ร้าวรานในวารวัน”
พบได้ที่ “บูธมติชน” โซนพลาซ่า งานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ (29 มีนาคม – 8 เมษายน )
ไม่อยากให้พลาด