บทความ วสิษฐ เดชกุญชร เรื่องสำนักงานตำมั่วแห่งชาติ (3)

ความวัวยังไม่หายความควายก็เข้ามาแทรก เขียนเรื่องความไม่ชอบมาพากลในการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจไปหยกๆ เมื่อสัปดาห์ที่แล้วและสัปดาห์ก่อนหน้านั้น มาสัปดาห์นี้ก็ได้ข่าวคาวใหญ่เกี่ยวกับตำรวจอีก

คราวนี้เป็นนายตำรวจชั้นประทวน คือ จ.ส.ต.เลอศักดิ์ นนท์ขุนทด ผู้บังคับหมู่สืบสวน สถานีตำรวจนครบาลพหลโยธิน คุณเลอศักดิ์เป็นข่าวขึ้นมา เมื่อเขาไปยื่นเรื่องราวร้องทุกข์ต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตภาครัฐ (ป.ป.ท.) ว่าผู้บังคับบัญชาคือสารวัตรสืบสวน 2 คนของสถานีตำรวจนครบาลพหลโยธินใช้อำนาจหน้าที่โดยมิชอบ สั่งการให้หักเงินเบี้ยเลี้ยงจากตนและเพื่อนร่วมงานซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจชั้นผู้น้อย 11 นาย เพื่อใช้ซื้อเครื่องปรับอากาศสำหรับติดตั้งในห้องสืบสวนของสถานีตำรวจแห่งนั้น

หลักฐานชิ้นหนึ่งที่คุณเลอศักดิ์นำไปมอบให้แก่ ป.ป.ท. คือสำเนาข้อความการสนทนาทางโทรศัพท์ ซึ่งตอนหนึ่งระบุว่า “กรณีเงินด่านมั่นคงนั้น พหล 4 41 42 ได้พิจารณาร่วมกันแล้ว ให้ดำเนินการดังนี้ เงินรวม 52,800 บาท เนื่องด้วยมีความเดือดร้อนส่วนรวมในห้องสืบ คือ แอร์ห้องในสุดเสีย ทำให้เดือดร้อนทุกคน ดังนั้นผู้บังคับบัญชาต้องเอาเงินส่วนนี้มาสนับสนุน เนื่องด้วยเพราะผู้ประกอบการช่วงนี้ฝืดเคือง ดังนั้น ขอจัดสรรดังนี้ ให้แบ่งชั้นประทวนทุกนายคนละ 2500 จำนวน 11 คน…..รวม 27500 บาท คงเหลือไว้ซื้อแอร์ 52,800-27,500 = 25,300 บาท”

หลังจากที่ปรากฏเป็นข่าวออกมาแล้ว พล.ต.ต.เอกชัย บุญวิสุทธิ์ ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 2 (ผู้บังคับบัญชาโดยตรงของสถานีตำรวจนครบาลพหลโยธิน) กับรองผู้บังคับการและผู้กำกับการสถานีตำรวจนครบาลพหลโยธิน ได้ร่วมกันแถลงผลการสอบสวนข้อเท็จจริงว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวนทั้ง 10 คนสมัครใจให้หักเงินเบี้ยเลี้ยงเพื่อนำไปซื้อเครื่องปรับอากาศ และเมื่อถามว่าเหตุใดไม่แจ้งผู้กำกับการเพื่อใช้งบประมาณของหลวง ก็ได้รับคำตอบว่า “ไม่อยากรบกวน” และว่ามีการตกลงกันไว้แล้วว่าทุกคนจะเสียสละนำเงินส่วนนี้ไปซื้อเครื่องปรับอากาศมาติดในห้องทำงาน ชีวิตราชการของคุณเลอศักดิ์ส่อเค้าว่าจะไม่ราบรื่นเมื่อ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ แถลงตอบคำถามของผู้สื่อข่าวว่าเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นเรื่อง “การปกครองภายใน” จะว่าเล็กก็ไม่เล็ก จะว่าใหญ่ก็ไม่ใหญ่ อะไรที่เสียต้องซ่อมแซมให้ใช้ได้โดยไม่สามารถรองบประมาณ ตามปกติก็ต้อง “ดำเนินการไป” พล.ต.อ.จักรทิพย์
กล่าวด้วยว่า ตนเชื่อว่ามีอยู่หลายร้อยโรงพักที่ดำเนินการลักษณะแบบนี้ “ตำรวจในโรงพักช่วยระดมทุนแบบนี้”

Advertisement

พล.ต.ท.ชาญเทพ เสสะเวช ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล กล่าวถึงกรณีที่เกิดขึ้นว่าเป็นการร้องเรียนข้ามหน่วยงาน และคุณเลอศักดิ์จะต้องถูกตรวจสอบทางวินัยตามระเบียบของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ

ท่านผู้อ่านเป็นจำนวนมากอาจไม่ทราบหรือไม่เข้าใจว่าคุณเลอศักดิ์นั้นเป็นนายตำรวจชั้นประทวน ยศจ่าสิบตำรวจ ต่ำกว่านายตำรวจสัญญาบัตรซึ่งเริ่มจากร้อยตำรวจตรี และคุณเลอศักดิ์มีตำแหน่งเป็นผู้บังคับหมู่ ต่ำกว่าร้อยตำรวจตรีซึ่งเป็นรองสารวัตร แต่นายตำรวจชั้นประทวนซึ่งทั้งประเทศมีจำนวนประมาณกว่าสองแสนคนนี่แหละที่เป็นกำลังหลักส่วนใหญ่ที่เราเห็นคอยตรวจตระเวนดูแลรักษาความสงบ และป้องกันชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน ส่วนนายตำรวจสัญญาบัตร ซึ่งทั้งประเทศมีจำนวนประมาณหกหมื่นคนนั้นดำรงตำแหน่งรองสารวัตรขึ้นไป และส่วนใหญ่ปฏิบัติหน้าที่อยู่ในสำนักงาน

นอกจากงานจะหนักกว่าแล้ว นายตำรวจชั้นประทวนยังได้รับเงินเดือนน้อยกว่าด้วย เพราะฉะนั้นทั้งเงินเดือนและเบี้ยเลี้ยงทุกชนิด รวมทั้งเบี้ยเลี้ยงที่ได้จากการตั้งด่านตรวจเพื่อ “ความมั่นคง” จึงมีความหมายอย่างยิ่งสำหรับชีวิตของนายตำรวจชั้นประทวนและครอบครัวทุกคน

Advertisement

การ “ระดมทุน” ที่ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติบอกว่ากำลังกระทำกันอยู่ในสถานีตำรวจหลายร้อยแห่งนี้ เมื่อกลายเป็นประเพณี ก็ย่อมทำให้นายตำรวจชั้นประทวนเดือดร้อน ต้องตะเกียกตะกายหาเงินโดยวิธีที่มิชอบมาเพิ่มเพื่อให้ตนสามารถบริจาค หรือร่วมในการระดมทุนของผู้บังคับบัญชา

ผลการสอบสวนและดำเนินการในกรณี จ.ส.ต.เลอศักดิ์ นนท์ขุนทด จะเป็นคำตอบว่าสำนักงานตำรวจแห่งชาติจะยังจมอยู่ในปลักของความสกปรกเสื่อมทรามเช่นนี้อยู่ต่อไปหรือไม่

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image