ผู้เขียน | คอลัมน์หน้า 3 มติชน |
---|
ไม่ว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ไม่ว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ มีคำประกาศอันสะท้อนลักษณะ “ร่วม” สำแดงออกอย่างต่อเนื่อง 2 ประการที่ละม้ายเหมือนกัน
1 คือ ไม่จัดตั้ง “พรรคการเมือง”
1 คือ ไม่ลงสมัครรับ “เลือกตั้ง”
แล้วเหตุใดเมื่อมีการเอ่ยถึงนายกรัฐมนตรี “คนนอก” นามของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็จะโดดเด่นขึ้นมาในฐานะแคนดิเดตหนึ่ง
บางพรรคการเมืองถึงกับชู พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
บางกลุ่มการเมือง อย่างเช่น นายสุเทพ เทือกสุบรรณ แห่งมวลมหาประชาชนยังยืนยันว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เหมาะสมที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีเป็นอย่างสูง
คำว่าสืบทอด “อำนาจ” จึงปรากฏขึ้น
ท่ามกลางการไม่ยอมรับของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ท่ามกลางคำประกาศไม่ลงสมัครรับเลือกตั้งและไม่จัดตั้งพรรคการเมืองของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
เป็นไปได้ยังไง
คําตอบ 1 มาจากหลายพรรคการเมือง ไม่ว่าจะเป็นพรรคเพื่อไทย ไม่ว่าจะเป็นพรรคชาติไทยพัฒนา ไม่ว่าจะเป็นพรรคประชาธิปัตย์ ยืนยันตรงกันว่า
เบาะแสสำคัญมาจาก “รัฐธรรมนูญ”
รัฐธรรมนูญไม่เพียงบัญญัติอำนาจของ “ส.ว.” เอาไว้ในระดับใกล้เคียงกับ “ส.ส.” หากแต่ยังสรรหาและแต่งตั้งโดย “คสช.”
สามารถลงมติเลือก “นายกรัฐมนตรี” ได้ด้วย
ขณะเดียวกัน ยังมีการจัดวางโครงสร้างของพรรคการเมืองของการเลือกตั้งอันก่อให้เกิดภาวะแตกกระจาย ไม่ยอมให้พรรคการเมืองใดพรรคการเมืองหนึ่งเป็นพรรคขนาดใหญ่ เป้าหมายคือ ต้องการเห็นพรรคขนาดกลาง พรรคขนาดเล็ก เพราะพรรคใหญ่คือพรรค 250 ส.ว. ของ คสช.
คำตอบ 1 ซึ่งสะท้อนความต้องการลึกๆ ของ คสช.เอาไว้อย่างไม่ปิดบังอำพราง นั่นก็คือ ข้อกำหนดอันเกี่ยวกับ “ยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี”
นี่สะท้อน “หลักนิยม” ในทาง “ความคิด” อย่างชัดแจ้ง แดงแจ๋
ภายในรัฐธรรมนูญ ภายในยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี และภายในมาตรการแต่ละมาตรการก่อนเข้าสู่กระบวนการเลือกตั้ง
ยืนยัน 1 ความต้องการในการสืบทอดอำนาจ
ขณะเดียวกัน ยืนยัน 1 ถึงหลักคิดอันดำรงอยู่ภายใน คสช. และ “แม่น้ำ 5 สาย” ที่นั่งอยู่ร่วมภายในเรือลำเดียวกัน ที่มองสรรพสิ่งหยุดนิ่ง สถิต ตายตัว รูปธรรมคือ จะแช่แข็ง “อำนาจ”
กระบวนการปฏิบัตินับแต่รัฐประหารเมื่อเดือนพฤษภาคม 2557 เป็นต้นมา ยืนยันให้เห็นถึงภาวะแข็งตัวในทางความคิดที่มองข้ามกฎแห่ง “อนิจจัง”
มองข้ามกฎแห่งความเปลี่ยนแปลง ไม่ว่าโดยตัว “บุคคล” ไม่ว่าโดยตัว “อำนาจ” ว่ามิอาจดำรงอยู่อย่างสถิต แน่นอน และตายตัว
ไม่ต้องมองไกลไปยังอีก 20 ปีข้างหน้าหรอก แค่เปรียบเทียบระหว่างเมื่อเดือนพฤษภาคม 2557 กับในเดือนเมษายน 2561
ถามว่าอำนาจ “คสช.” ยังเหมือนเดิมหรือไม่
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ย่อมมีคำตอบได้ดีเป็นที่สุดจากกรณี “นาฬิกา” หรูว่า ไม่มีวันที่ตัวเองจะมีสถานะเหมือนเดิมอีกต่อไปแล้ว
แล้ว พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะหลีกพ้นกฎแห่งอนิจจังได้ละหรือ