ต้องช่วย โดย สุวพงศ์ จั่นฝังเพ็ชร

แม้นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ จะยังกั๊กเรื่องตั้ง “พรรคใหม่”

แต่ที่กั๊กไม่ได้ นั่นก็คือ ต้องประกาศหนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เหมาะสมเป็น “ผู้นำ” ต่อไป ให้ “ชัดเจน”

อ้ำๆ อึ้งๆ จะเสียกาล

พรรคเพื่อไทย ประกาศไม่เอาตู่ ไม่เท่าไหร่

Advertisement

พรรคอนาคตใหม่ไม่เอาทหาร ก็เป็นไปตามหลักการ

แต่พอ นายอภิสิทธิ์ ที่สวมหมวกหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ประกาศท่าที “หนุนประยุทธ์ไปที่อื่น” 

ต้องยอมรับว่า “แรง”

Advertisement

แรงขนาดไหน วัดจากอุณหภูมิที่ พล.อ.ประยุทธ์แสดงออก ก็น่าจะเป็นคำตอบได้

นี่จึงจำเป็นต้องมีตัวช่วย

เพราะถ้าไม่มีตัวช่วย กระแสไม่หนุนตู่มีโอกาสขยายตัวสูง

และจะทำให้คน โดยเฉพาะนักการเมือง กล้าวิพากษ์วิจารณ์ พล.อ.ประยุทธ์มากและรุนแรงขึ้น

ไม่เป็นผลดีทางการเมือง

จึงจำเป็นจะต้องใช้คนระดับนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ เบรกกระแส

จะรอนายสุเทพ เทือกสุบรรณ พรรคมวลมหาประชาชน ก็ยังไม่รู้ว่าจะออกเป็นลูกผีลูกคนอย่างไร

จะรอนายไพบูลย์ นิติตะวัน ก็เสียงเบาเหลือเกิน

นายสมคิดจึงต้องออกโรงมาช่วย

ช่วยยืนยันว่า พล.อ.ประยุทธ์คือผู้เหมาะสมที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีต่อไป

ส่วนหลังจากนี้ จะมี “พรรคประชารัฐ” ออกมาช่วยอย่างเป็นทางการ ก็เป็นเรื่องของอนาคต ที่ต้องมีมาด มีฟอร์ม เสียหน่อย

ในเฉพาะหน้านี้ อะไรช่วยกันได้ก็ต้องช่วยไปก่อน

โดยเฉพาะภาพพจน์ของรัฐบาล และคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)

ขนาดพี่น้อง 3 ป ทั้ง พล.อ.ประยุทธ์ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ก็อยู่เฉยไม่ได้เช่นกัน

ต้องมาช่วยกันดับกระแส “โกงทุกหย่อมหญ้า”

โดยเฉพาะการคอร์รัปชั่นในระบบราชการ ที่แพร่ระบาดไปทั่ว

แม้จะมีกฎเหล็ก อย่างมาตรา 44 ย้ายข้าราชการกันอุตลุด แต่ก็ไม่ได้เกรงกลัว ยัง “ปากมัน” กันเป็นแถวๆ

ที่สำคัญ รัฐบาลและ คสช.เคยชี้หน้าแต่ “นักการเมือง” ว่าเป็นต้นตอการทุจริต

แต่สิ่งที่ปรากฏให้เห็นตอนนี้ “ระบบราชการ” ก็ย่ำแย่ไม่แพ้กัน

พล.อ.ประยุทธ์พยายามอธิบายว่า การโกงกินมีมาแต่ในอดีต และตอนนี้รัฐบาลกำลังสะสาง

ส่วน พล.อ.อนุพงษ์พยายามชี้ไปในทางบวกว่า การที่การทุจริตดูมากขึ้น เนื่องมาจากมีการจับทุจริตได้มากขึ้น ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าดีใจที่จับได้และต้องลงโทษกันให้หนักๆ

ขณะที่ พล.อ.ประวิตรประกาศเสียงดังฟังชัดแบบไม่กลัวเข้าเนื้อว่า คสช.คือผู้ตรวจสอบ ไม่ใช่ฝ่ายคอร์รัปชั่น

ชาวบ้านฟังแล้ว รู้สึกอย่างไร ไม่อยากบอก เพราะอาจไปแสลงใจใครเข้า

ด้วยเพราะอย่างที่ทราบกัน “วิกฤตศรัทธา” เกี่ยวกับการปราบโกงเสื่อมลงเพราะอะไร และใคร

แถมยังดึงให้องค์กรอิสระ ที่ทำหน้าที่ในการปราบทุจริตต่ำเตี้ยลงไปด้วยนั้น

มาจากเรื่องอะไร

และทำไมกลายเป็นสิ่งพะอืดพะอม เมื่อมีคนมาพูดเรื่อง “การตรวจสอบการทุจริต” นั้น

เพราะเมื่อท่านพูด คนจะฟัง

เมื่อท่านทำ คนจะเชื่อ

และเพราะความเชื่อ-ไม่เชื่อนี่แหละ ทำให้รัฐบาล คสช.ต้องมานั่งออกมาตรการปราบโกงกันมากมายตอนใกล้ปีที่ 4 ที่เข้ามาบริหารงานนี่แหละ

ต้องไม่ลืมว่า ตั้งแต่ช่วงกลางปีนี้จะมีเงินจากรัฐบาลจำนวนมหาศาลลงไปในพื้นที่ต่างๆ เพื่อช่วยชาวบ้าน แอบพ่วงหาเสียงก่อนเลือกตั้ง

หาก “ข้าราชการ” เป็นอย่างที่เห็น โอกาสที่เงินจะรั่วไหลสูงมาก

นี่ก็จะเป็นการพิสูจน์อีกครั้งว่ารัฐบาลและ คสช.จะเอาอยู่หรือไม่

ถ้าเอาไม่อยู่ สิ่งเดียวที่พอจะทำได้ คือ หาเหตุเลื่อนการเลือกตั้งออกไปเรื่อยๆ

การลงสู่สนามรบ “เลือกตั้ง” โดยมีแผลเต็มตัว ว่ากันว่า นักการเมืองเขาชอบนัก!

……………….

สุวพงศ์ จั่นฝังเพ็ชร

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image