ที่มา | คอลัมน์ แท็งก์ความคิด มติชนรายวัน |
---|---|
ผู้เขียน | นฤตย์ เสกธีระ [email protected] |
เผยแพร่ |
มาถึงวันนี้หลายคนคงได้ยินชื่อหนังสือ “ในสาธารณรัฐไวมาร์ ฮิตเลอร์ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง” แล้ว
หนังสือเล่มนี้่เขียนโดย ภาณุ ตรัยเวช มี วรเจตน์ ภาคีรัตน์ ให้คำนิยม
และโสรัจจ์ หงศ์ลดารมภ์ เป็นบรรณาธิการพิเศษ
หนังสือเล่มนี้เป็นหนังสือประวัติศาสตร์อีกเล่มหนึ่งที่สำนักพิมพ์มติชนนำไปจำหน่ายภายในงานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติ ครั้งที่ 44
ระหว่างวันที่ 29 มีนาคม ถึงวันที่ 10 เมษายน ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์
หนังสือเล่มนี้ให้ทั้งข้อมูลและข้อคิด
เมื่ออ่านไปสักพักแล้วหวนระลึกถึงเหตุการณ์เมื่อไม่นาน
เป็นเหตุการณ์ที่รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เชิญผู้เชี่ยวชาญการเมืองชาวต่างชาติมาบรรยายความเป็นมาเป็นไปของการเลือกตั้งของแต่ละประเทศ
บรรยายประสบการณ์ของแต่ละชาติที่ฟันฝ่าอุปสรรคนานัปการ
กระทั่งในที่สุดสามารถปลูกหน่อประชาธิปไตยไว้ในหัวใจประชาชนได้
น่าเสียดายที่การบรรยายในห้วงนั้นไม่แพร่หลาย หลายคนที่สนใจอาจพลาดข้อมูลไป
แต่จังหวะก้าวทางประวัติศาสตร์เหล่านี้ยังคงมีปรากฏให้เห็นอยู่บ่อยๆ
อย่างเช่นการปรากฏอยู่ในหนังสือ “ในสาธารณรัฐไวมาร์ ฮิตเลอร์ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง” เล่มนี้
ความโดดเด่นของหนังสือเล่มนี้คือการอธิบายความเป็นมาและความเป็นไปเข้าใจง่าย
นับตั้งแต่การขีดเส้นขอบเขตระยะเวลาของสาธารณรัฐไวมาร์
ตั้งแต่หลังสงครามโลกครั้งที่ 1 จนฮิตเลอร์เรืองอำนาจ
ในขอบเขตของเวลานั้น ยังชี้เฉพาะเจาะจงไปที่จังหวะก้าวของฮิตเลอร์
จากจิตรกรไส้แห้งไปเป็นจอมเผด็จการ
แต่ความเร้าใจอยู่ที่บรรยากาศการเมืองของสาธารณรัฐไวมาร์ที่มีความเข้มข้นและอันตราย
มีการแบ่งขั้วขวาจัด ซ้ายจัด และผู้ประนีประนอม
เป็นห้วงเวลาแห่งความทุกข์หลังจากสงครามสิ้นสุด ประชาชนต้องแบกรับกรรมวิบาก
ภายในเล่มยังเรียงลำดับเหตุการณ์สำคัญให้อ่านเพื่อให้ง่ายต่อความเข้าใจ
บอกกล่าวถึงการเติบโตของพรรคการเมืองเยอรมนีในยุคนั้น
อธิบายเบื้องหน้าเบื้องหลังการเลือกตั้งในระบอบประชาธิปไตยท่ามกลางความขัดแย้งแบบสุดขั้ว
แล้วก็มาถึงการก้าวสู่อำนาจของฮิตเลอร์
หนังสือเล่มนี้มีข้อมูลชวนรู้…ที่ระบุว่า “ฮิตเลอร์ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง”
ใครได้อ่านแล้วคงมีความรู้สึกแบบเดียวกัน
อยากบอกต่อ…
เพราะเชื่อว่าคนที่ได้อ่านจะเข้าใจสภาพการเมือง เข้าใจอารมณ์ของคนในสังคม เข้าใจความรุนแรงที่มีพัฒนาการ
และเข้าใจเยอรมนีได้มากขึ้น
แต่โดยส่วนตัวแล้ว นอกจากความเข้าใจในเรื่องต่างๆ ดังว่า ยังได้ข้อคิดตามมา
ได้สัมผัสผลลัพธ์อันเกิดจากความเท็จ
หรือผลกระทบจากการบิดเบือนความจริง…
ความเท็จเหล่านั้นเกิดขึ้นจากผู้นำ บิดเบือนข้อเท็จจริงเพื่อจูงใจประชาชน
สร้างจินตภาพที่ผิดจนเลยเถิดกลายไปเป็นความรุนแรง
ช่วงนั้นคนเยอรมันคิดว่าชนชาติตนเหนือกว่าทุกชาติ
แม้เยอรมันแพ้สงครามโลกครั้งที่ 1 แต่ก็เป็นเพราะคนทรยศในชาติ
ความรู้สึกดังกล่าวพัฒนาไปสู่ความเหยียดหยามดูแคลน ความเกลียดชังดูถูก
การสื่อสารที่มีอานุภาพในขณะนั้นคือการโฆษณาชวนเชื่อ
คนที่มีความสามารถในการโฆษณาชวนเชื่อในยุคนั้นก็ …ฮิตเลอร์นี่ไง
ว่ากันว่าเมื่อฮิตเลอร์ขึ้นปราศรัย ทุกครั้งจะจบท้ายด้วยเสียงโห่ร้องด้วยความฮึกเหิม
ฮิตเลอร์เป็นนักปลุกระดมชั้นยอด
เนื้อหาข้อมูลที่นำไปปลุกเร้าไม่จำเป็นต้องใช้ความจริง…
การนำความเท็จมาปลุกระดมให้คนเกลียดชังฝ่ายตรงข้ามเกิดขึ้นตลอดทั้งยุค
เมื่อคนเชื่อก็จะรู้สึกเกลียดชัง แบบไม่ลืมหูลืมตา
เกลียดชังจนกลายเป็นอวิชชา…ไม่ยอมพิสูจน์หาความจริง
ผลก็คือการเปลี่ยนมนุษย์ให้กลายเป็นอสูร
ฮิตเลอร์และการปราศรัยของเขาเปลี่ยนให้มนุษย์กลายเป็นอสูร
อสูรที่พร้อมจะห้ำหั่นเหยื่อ
เหยื่อซึ่งก็คือมนุษย์เหมือนกัน แต่มีความคิดเห็นแตกต่าง
และสงครามโลกครั้งที่ 2 เกิดขึ้น ด้วยการนำของฮิตเลอร์ จึงเปลี่ยนคนเยอรมันเป็นอสูร
ส่วนยิวกลายเป็นเหยื่อ
ทั้งอสูรและเหยื่อ ต่างไม่ใช่ความเป็นตัวเป็นตนของเรา
เพราะเรา-ท่านเป็นมนุษย์
เป็นผู้ที่สามารถพัฒนากาย พัฒนาใจ พัฒนาความศิวิไลซ์ได้
มนุษย์มีศาสนาที่สอนให้ทุกคนทำดี มีเมตตา เอื้อเฟื้อ เกื้อกูล รักกันและกัน
มนุษย์มีการศึกษาที่สอนให้ทุกคนมีเหตุมีผล มีวิธีพิสูจน์หาความจริงตามหลักวิทยาศาสตร์
มนุษย์มีความฉลาดที่สามารถรู้ตื่น-รู้เบิกบาน
แต่เพราะอะไรจึงทำให้มนุษย์กลายร่างเป็นอสูร และตกเป็นเหยื่ออยู่เนืองๆ
เรื่องนี้น่าหาคำตอบ
และหนังสือเรื่อง “ในสาธารณรัฐไวมาร์ฯ” นี้ก็มีคำตอบไว้ให้
โดยเฉพาะในช่วงท้ายเล่มที่ผู้เขียนตอกย้ำให้เรา-ท่านมีสติ
สติที่ระลึกรู้ไว้เสมอว่าเราไม่ใช่อสูร เราไม่ใช่เหยื่อ
เราคือมนุษย์ … เราคือมนุษย์
คลิกอ่านเพิ่มเติมที่นี่ …ภาณุ ตรัยเวช “ในสาธารณรัฐไวมาร์ ฮิตเลอร์ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง”